ไม่มีรายการ

6 step ออมเงินง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น

6 step ออมเงินง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น

05 สิงหาคม 2565


ถ้าอยากมีเงินออมเพิ่ม วิธีที่หลายๆ คนคิดถึงก็น่าจะเป็นการหารายได้เพิ่ม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ในทางกลับกันก็อาจทำให้บางคนยังออมเงินไปไม่ถึงไหน เพราะยังไม่สามารถเพิ่มรายได้ตัวเอง หรือมีรายได้เพิ่มแหละแต่รายจ่ายก็เพิ่มตามไปด้วย

วันนี้แอดมินมีศิลปะการออมแบบญี่ปุ่น ที่เหมาะมากๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนมาฝาก โดยมีผู้ที่ทดลองใช้วิธีนี้แล้วปรากฏว่าสามารถมีเงินออมเพิ่มขึ้นถึง 35% โดยที่รายได้ยังเท่าเดิม นั่นคือวิธีที่เรียกว่า คะเคโบะ (Kakeibo)

คะเคโบะ (Kakeibo) แปลว่า สมุดบัญชีครัวเรือน ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในปี 1904 โดยคุณฮานิ โมโตะโกะ นักหนังสือพิมพ์หญิงคนแรกของญี่ปุ่น ที่ต้องการหาวิธีให้แม่บ้านญี่ปุ่นจัดการรายรับรายจ่ายของครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น เพราะผู้หญิงในยุคนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานนอกบ้าน จึงมีรายรับเพียงแค่เงินเดือนจากสามีเท่านั้น

จนกระทั่งถูกนำมาเขียนเป็นหนังสือ Kakeibo: The Japanese Art of Budgeting & Saving Money (คะเคโบะ : ศิลปะการจัดงบประมาณและการออมเงิน) โดย คุณฟูมิโกะ ชิบะ เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ คะเคโบะ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

หลักการคิดของคะเคโบะ จะเน้นไปที่การจัดการรายจ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ด้วยการจดบันทึกใน 6 Step ได้แก่

1. จดรายได้ทั้งหมด

บันทึกรายได้ทั้งหมดที่ได้รับมาในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนจากงานประจำหรืองานเสริมก็บันทึกลงไปให้ครบ

2. จดค่าใช้จ่ายประจำที่แน่นอน

บันทึกค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายในทุกๆ เดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร, ค่าโทรศัพท์ และหนี้สินต่างๆ

3. หาจำนวนเงินที่เหลือ

หักค่าใช้จ่ายประจำออกจากรายรับ เพื่อดูว่าจำนวนเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายประจำแล้วมีเท่าไร เพื่อนำมาวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่อไป

4. ตั้งเป้าหมายจำนวนเงินออม

เมื่อที่รู้ว่ามีเงินเหลือเท่าไรจากการหักค่าใช้จ่ายประจำแล้ว จากนั้นเริ่มกำหนดเป้าหมายในการใช้จ่ายและเก็บออม อาจจะเริ่มตั้งจากจำนวนน้อยๆ ก่อน เมื่อคุ้นชินแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มเป้าหมายในการออมทีละนิดให้เป็นการท้าทายตัวเองเล็กๆ เพื่อการออมเงินจะได้สนุกขึ้น

5. ระบุหมวดหมู่การใช้จ่าย

เมื่อรู้ค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือน เงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายประจำ และเป้าหมายการออมอย่างชัดเจนแล้ว หลังจากนั้นเมื่อใช้จ่ายอะไรไป ก็จดค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้น โดยแยกออกเป็นหมวดๆ ได้แก่

5.1 Survival

ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อการมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร

5.2 Optional

ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นที่ในบางครั้งไม่ต้องมีก็ได้ เช่น ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปเที่ยวพักผ่อน งานอดิเรก

5.3 Culture

การใช้จ่ายในกิจกรรมด้านความบันเทิงต่างๆ เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต และการสมัครสมาชิกสตรีมมิงต่างๆ

5.4 Extra

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด และเกิดขึ้นไม่บ่อย เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ

6. การสรุปประจำเดือน

เมื่อถึงสิ้นเดือนก็มาสรุปจากสิ่งที่ได้บันทึกไป ว่าใช้อะไรไปเท่าไรและได้ทำตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ หรือว่ามีจุดใดที่มีปัญหา ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถสรุปได้โดยตอบคำถาม 4 ข้อนี้

- มีเงินออมอยู่เท่าไร?
- ต้องการออมเงินเท่าเท่าไร?
- ใช้เงินไปเท่าไร?
- จะปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายอย่างไร เพื่อให้การออมดีขึ้น?

ในระหว่างหาช่องทางเพิ่มรายได้ การจัดการค่าใช้จ่ายก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะจากที่แอดมินลองทำประมาณ 6 เดือน พบว่ามีรายจ่ายไม่จำเป็นที่สามารถปรับลดลงและเอาเงินในส่วนนั้นมาออมเพิ่มได้ทันทีมากกว่า 30% จริงๆ

อาจดูว่าเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่อยากจะบอกว่าวิธีเรียบๆ นี่แหละที่ได้ผลจริงและยั่งยืน อยากฝากเพื่อนๆ ให้ลองทำดูค่ะ ได้ผลยังไงเอามาแชร์กันบ้างนะคะ

ส่วนถ้าใครไม่ถนัดในการจดบันทึกลงสมุด แอดมินแนะนำ app lumpsum ที่สามารถแบ่งหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายและสรุปสถิติรายเดือน ได้เหมือนหลักการคะเคโบะเลย ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมากๆ ที่สำคัญคือใช้ฟรีด้วยค่ะ

ดาวน์โหลดได้ที่นี่เลยนะคะ

ios

android

แอดมินเคยทำคลิปแชร์วิธีใช้ app เบื้องต้น รับชมได้ที่นี่เลย

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ ได้ไอเดีย และเครื่องมือในการออมเงินเพิ่มขึ้นนะคะ ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามในทุกช่องทาง ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณค่ะ แอดมินเก๋

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ