ไม่มีรายการ

โบนัส ออกเคลียร์หนี้อะไรก่อนคุ้มสุด

โบนัส ออกเคลียร์หนี้อะไรก่อนคุ้มสุด

17 มกราคม 2563


 ทุกต้นปีถือเป็นช่วงน่ายินดีของเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย

เพราะเข้าสู่ฤดูกาลรับเงินโบนัสประจำปี (หวังว่าจะได้กันทุกคนทุกองค์กร...^^)

แต่เดี๋ยวก่อน !!!

อย่าเพิ่งริอาจวางโปรเจคช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยว

หากท่านทั้งหลายยังมีหนี้สินอยู่...

ไม่ว่าจะเป็นหนี้กู้ซื้อบ้าน - รถ - บัตรเครดิต - สินเชื่อส่วนบุคคล

ควรกันเงินโบนัสส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ไปจัดการหนี้เหล่านั้นซะ

เข้าใจว่าคงจะจัดการได้ไม่หมดในคราวเดียว (เว้นแต่โบนัสจะอลังการงานสร้าง)

แต่อย่างน้อยช่วยลดมูลค่าหนี้ลง ลดภาระดอกเบี้ยลง และลดระยะเวลาเป็นหนี้ลง

เพื่ออิสระภาพทางการเงิน เพราะการไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ...

 

แล้วหนี้ประเภทไหนที่ควรจัดการก่อน ?

สมมติว่าเป็นหนี้ทุกประเภทที่กล่าวไว้ข้างต้น

และมีโบนัสหลังหักโน่นนี่คงเหลือ 100,000 บาท

 

 

ว่ากันด้วยเรื่องหนี้แต่ละแบบก่อน

*** อัตราดอกเบี้ยของผู้ให้สินเชื่อไม่เท่ากัน จึงคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยจากระดับต่ำสุด-สูงสุด

1. หนี้กู้ซื้อบ้าน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5% ต่อปี

การผ่อนชำระเป็นแบบลดต้นลดดอก

2. หนี้เช่าซื้อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% ต่อปี

การผ่อนชำระเป็นแบบ Flat Rate คงที่เท่ากันทุกงวด

3. หนี้บัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ย 18% ต่อปี

จ่ายขั้นต่ำจนกว่าจะหมดเงินต้น

4. หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อเงินก้อน

อัตราดอกเบี้ย 20 - 28% ต่อปี ผ่อนแบบลดต้นลดดอก

 

สมมติว่า...

1. มีหนี้บ้านคงเหลือ 1,000,000 บาท ผ่อนเดือนละ 8,000 บาท

2. มีหนี้รถยุโรปคงเหลือ 1,000,000 บาท ผ่อนอีก 4 ปี เดือนละ 23,333 บาท

3. มีหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท จ่ายขั้นต่ำอยู่

4. มีหนี้เงินก้อน 100,000 บาท ผ่อนอีก 2 ปี เดือนละ 5,489 บาท

 

ว่ากันที่บ้านก่อน

ตามโครงสร้างการผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอก

ยอดคงค้าง 1,000,000 บาท

ผ่อนเดือนละ 8,000 บาท ดอกเบี้ยกลม ๆ 5% ต่อปี

เท่ากับเหลืออีก 15 ปี 8 เดือนจะผ่อนหมด

และวันที่ผ่อนหมดดอกเบี้ยรวมจะเท่ากับ 415,468 บาท

แต่...หากเดือนนี้เอาโบนัส 100,000 บาทไปโปะ

จะเหลือระยะเวลาผ่อนเพียง 13 ปี 10 เดือน

และลดดอกเบี้ย ณ วันผ่อนหมดเหลือ 324,845 บาท

 

ต่อกันที่รถยนต์

ถ้าจ่ายไป 100,000 บาท

ไม่มีการลดต้นลดดอก

แต่จะเหมือนการจ่ายล่วงหน้าราว 4 เดือน

เท่ากับอีก 4 เดือนถัดไปไม่มีภาระ 23,333 บาทต่อเดือน

หรือคิดอีกแบบคือจะผ่อนหมดเร็วขึ้น 4 เดือน

 

ตามด้วยบัตรเครดิต

หนี้ 100,000 บาท

จ่ายหมดก็หมดกัน

แต่ถ้าไม่จ่าย แล้วขั้นต่ำ 10% คือ 10,000 บาท

จะโดนดอกเบี้ย 2 เด้ง !!!

สมมติรอบบิลสรุป 24 ม.ค. และกำหนดชำระ 10 ก.พ.

เด้งแรกจะโดน ยอด x ดอกเบี้ย x จำนวนวัน ( 24 ม.ค. - 9 ก.พ.) / 365

= (100,000 x 18% x 17) / 365 เท่ากับดอกเบี้ย 838 บาท

เด้งสองจะโดน ยอดคงเหลือ x 18% x จำนวนวันถึงรอบบิลถัดไป (10 ก.พ. - 24 ก.พ.) / 365

= (90,000 x 18% x 15) / 365 เท่ากับดอกเบี้ย 666 บาท

ดังนั้นหลังจ่ายขั้นต่ำ เงินต้นจะไม่ได้เหลือแค่ 90,000 บาท

แต่จะต้องรวมดอกเบี้ยเด้งสองไปด้วย

เท่ากับต้องจ่ายทั้งหมด 90,00 + 838 + 666 เท่ากับ 91,504 บาท

และถ้ายังจ่ายขั้นต่ำอีกก็จะวนลูปดอกเบี้ยสองเด้งไปเรื่อย ๆ

ที่สำคัญหลังจ่ายขั้นต่ำ ทุกการใช้จ่ายใหม่ที่เกิดขึ้นจะคิดดอกเบี้ยทุกครั้ง

ดอกเบี้ยจะทวีคูณขึ้นไปอีก ...

 

ปิดท้ายที่หนี้เงินก้อน

ยอดหนี้ 100,000 บาท ผ่อนอีก 2 ปี เดือนละ 5,489 บาท ดอกเบี้ย 28% ต่อปี

ถ้าโปะก็จบ อาจจะมีเสียดอกเบี้ยนิดหน่อยนับจากวันที่ผ่อนล่าสุดถึงวันโปะ

เช่น ล่าสุดจ่าย 31 ธ.ค. แล้วมาโปะวันที่ 28 ม.ค.

จะคำนวณ (100,00 x 28% x 28) / 365 เท่ากับดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มอีก 2,147 บาท

นอกจากจะปลอดหนี้แล้วยังมีเงินเหลือต่อเดือนเพิ่มมาอีก 5,489 บาท นะจ๊ะ

แต่...ถ้ายังผ่อนไปเรื่อย ๆ จนครบสัญญา 2 ปี

คุณจะมีภาระเดือนละ 5,489 บาท

และ ณ วันผ่อนจบจะเสียดอกเบี้ยทั้งสิ้นอีก 31,732 บาท !!!

 

ผมจะไม่ฟันธงว่าควรจัดการหนี้ก้อนไหนนะ เพราะเป็นเงินของท่าน...

และทุกคนคงเห็นภาพแล้วว่าหนี้อันไหนมันโหดร้ายกว่ากัน

แต่ถ้าเป็นผมนะ...ไอ่บัตรเครดิตกับสินเชื่อส่วนบุคคลนี่ต้องไปก่อนเพื่อนเลย

#ด้วยรักและหวังดีจากคนแบกหนี้ ฮ่า ๆ
#ปลดหนี้ หนีจน
#หน้าบ้าน ๆ แต่หนี้บานตะไท
#วางแผนการเงินต้อง Lumpsum

ดาวน์โหลดติดตั้งแอปฯ Lumpsum ได้แล้ววันนี้ทั้ง 2 ระบบ
iOS 
Android 

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ