ไม่มีรายการ

เพิ่มสภาพคล่องด้วยการ "รีไฟแนนซ์รถยนต์"

เพิ่มสภาพคล่องด้วยการ "รีไฟแนนซ์รถยนต์"

24 กรกฎาคม 2563


สภาพคล่องทุกท่านยังโอเคไหมครับตอนนี้ รู้สึกเห็นใจและเข้าใจนะ

ตั้งแต่โควิด-19 บุกไทย สภาพเศรษฐกิจก็ดิ่งลงฮวบ ๆ ข่าวธุรกิจปิดกิจการ-ปลดพนักงาน มาอย่างถี่  ใครโดนลูกหลงไปก็ขอให้ผ่านพ้นโดยเร็ววันเด้ออออ

 

แต่หากสภาพคล่องเริ่มแย่ และมีรถยนต์ในมือ การรีไฟแนนซ์ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยช่วงนี้นะครับ

 

ไม่ต้อง "งง" นะ รถยนต์ก็สามารถ "รีไฟแนนซ์" ได้

เหมือนสินเชื่ออื่น ๆ แหล่ะ แต่มักไม่ค่อยมีคนพูดถึง

เพราะชื่อมันไม่ได้บอกว่า "สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์"

แต่จะมาในรูปแบบสินเชื่อ "รถแลกเงิน", "Car for Cash", "เงินติดล้อ" ฯลฯ

ซึ่งมันดูเหมือนเอารถไปจำนำมากกว่าเนอะ (ก่อนนี้ผมก็คิดแบบนั้น ฮ่า ๆ )

 

และข้อดีของการ "รีไฟแนนซ์" ก็เหมือนสินเชื่ออื่น ๆ คือ

1. ลดดอกเบี้ย

2. ขยายระยะเวลาผ่อนได้

3. ลดค่างวดต่อเดือน

4. มีโอกาสได้เงินส่วนต่าง มาใช้จ่ายฉุกเฉิน

 

และการรีไฟแนนซ์รถยนต์ สามารถเปลี่ยนรูปแบบการคิดดอกเบี้ยได้

ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน การกู้ซื้อรถ จะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fix Rate)

แต่หากนำไปรีไฟแนนซ์ สามารถเปลี่ยนเป็นแบบลดต้นลดดอกได้ (Effective Rate)

 

ยกตัวอย่างเลยนะ

เมื่อ 2 ปีก่อนผมซื้อรถเก๋งราคา 1,000,000 บาท

ดอกเบี้ย 4.99% ผ่อน 60 เดือน (5 ปี) ดาวน์ 25% (250,000 บาท)

ดังนั้นยอดจัดจะเท่ากับ 750,000 บาท

รวมกับดอกเบี้ยอีก 187,125 บาท (ยอดจัด x ดอกเบี้ย x จำนวนปี)

 

เท่ากับว่ายอดรวมสินเชื่อกู้ซื้อรถคือ 937,125 บาท

ซึ่งผมผ่อน 60 เดือน หรือ 5 ปี เท่ากับผมต้องผ่อนเดือนละ 15,619 บาท

ดอกเบี้ยเฉลี่ยเดือนละ 3,119 บาท

 

ผ่านไป 2 ปี ที่เธอมาหายจาก.....ว้าย ไม่ใช่เพลงพี่ปู !

2 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก...ยังไม่หยุดอีกนะ !

 

นั่นแหล่ะ...ครบ 2 ปี หรือ 24 เดือน ผมผ่อนรวมทั้งสิ้น 374,850 บาท

 

ทีนี้ผมก็ไปหาข้อมูลพวกสินเชื่อรถแลกเงินทั้งหลาย

พบว่ามีข้อเสนอมากมายหลายหลาก

ที่สำคัญดอกเบี้ยถูกกว่าเดิม ตามภาวะปัจจุบัน

โดยดอกเบี้ยคงที่จะอยู่ที่เฉลี่ยเพียง 3% ต้น ๆ ต่อปี

หรือดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่เฉลี่ย 9-12% ต่อปี (ถูกกว่าสินเชื่อบุคคล)

ขณะที่บางที่ปล่อยกู้สูงสุดถึง 120% ของราคาประเมินรถ ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน

 

ไม่ได้นำข้อมูลมาแชร์นะครับ เพราะรถแต่ละยี่ห้อ-รุ่น-ปี ผลลัพธ์จะต่างกัน

แต่วิธีหาสินเชื่อเหล่านี้ไม่ยากนะครับ

 

Google เลย พิมพ์คำว่า "รถแลกเงิน" มาเกือบทุกเจ้า

โดยผู้ปล่อยกู้จะมีโปรแกรมคำนวณสินเชื่อเบื้องต้นให้

ค่อนข้างง่ายเลย เพราะแค่ระบุยี่ห้อ-รุ่น-ปี ของรถที่ใช้อยู่

ก็จะมีตัวเลขคร่าว ๆ เกี่ยวกับวงเงินที่จะได้รับ-อัตราดอกเบี้ย-ระยะผ่อนสูงสุด

 

ผมลองเอารถผมเข้าไปคำนวณบ้าง

ราคาประเมินกลางของรถรุ่นที่ผมใช้

ปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 750,000 บาท

 

ซึ่งดูแลรถดี น่าจะกู้ได้ไม่ต่ำกว่า 80% ของราคาประเมิน

 

เช่น หากกู้ 80% ผมจะได้เงินรวม 600,000 บาท

นำเงินก้อนนี้ไปปิดหนี้กับลิสซิ่งเดิม 562,275 บาท

ได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินอีก 37,725 บาท

แต่หากกู้ 100% จะได้เงิน 750,000 บาท

ปิดหนี้ลิสซิ่งเดิม 562,275 บาท

ได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินถึง 187,725 บาท

 

หรือหากกู้ได้ 120% จะได้เงิน 900,000 บาท

ปิดหนี้ลิสซิ่งเดิม 562,275 บาท

ได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินถึง 337,725 บาท

 

แต่อันสุดท้ายนี่หากไม่เดือดร้อนใช้เงินจริง ๆ อย่าเลยนะ

มันอาจจะเป็นภาระไปมากกว่าเดิม...

 

ส่วนเรื่องดอกเบี้ย จะขึ้นลงตามระยะเวลาที่ผ่อน อยู่ที่เป้าหมายของคุณคืออะไร

หากอยากรีไฟแนนซ์เพื่อประหยัดดอกเบี้ย

ให้ผ่อนเท่ากับระยะเวลาที่เหลือกับลิสซิ่งเดิมหรือน้อยลง

ซึ่งดอกเบี้ยต่ำอยู่แล้วหากผ่อนสั้น แต่ค่างวดอาจจะเพิ่มขึ้น

แต่....หากอย่างเพิ่มภาพคล่อง ลดภาระค่างวดต่อเดือน

ก็ให้ขยายเวลาผ่อนไปเพิ่มไป

ซึ่งดอกเบี้ยจะมากขึ้นมาหน่อย

อาจจะต่างจากลิสซิ่งเดิมไม่มากนัก

แต่ค่างวดจะลดลง

 

ยกตัวอย่างกรณีของผมละกัน

1. รีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระผ่อน

กู้ 80% คือ 600,000 บาท

ผ่อน 5 ปี (ขยายเวลาเพิ่มอีก 2 ปี)

คิดดอกเบี้ยต่ำ ๆ เลยที่ 3% ต่อปี ดอกเบี้ยใหม่จะเท่ากับ 90,000 บาท

เงินต้นรวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 690,000 บาท

ผ่อน 5 ปี เหลือเดือนละ 11,500 บาท

เห็นไหมว่าค่างวดหายไป 4,119 บาท

จากเดิมผ่อนเดือนละ 15,619 บาท

ท่านจะได้สภาพคล่องคืนกลับมาอีกโข แต่ละเดือนภาระผ่อนไม่อึดอัดเกินไป

แถมได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินอีก 37,725 บาท

ซึ่งหากรถท่านสภาพดีแล้วสามารถกู้ได้ 100%

ก็สามารถขอกู้เต็มเพื่อให้มีเงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินมากขึ้น

แต่ต้องจำเป็นใช้เงินจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่นำมากิน เที่ยว ช้อป

 

2. รีไฟแนนซ์เพื่อเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ย

กู้ 80% เท่าเดิมนะ 600,000 บาท

(ผมไม่อยากแนะนำให้กู้มากเกิน หากไม่เดือดร้อนเรื่องเงินจริง ๆ

เพราะถ้าไม่มีวินัยการใช้เงิน จากเพิ่มสภาพคล่องจะกลายเป็นเพิ่มสภาพหนี้เอาได้)

ผ่อน 5 ปีไปเลย

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก สมมติว่าได้เรท 10% ต่อปี

เงินต้นรวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 764,894 บาท

ค่างวดอยู่ที่ 12,748 บาทต่อเดือน

ค่างวดลดลงนะวิธีนี้ แต่ดอกเบี้ยรวมกลับเพิ่มขึ้น

โดยหากผ่อนตามกำหนดจนหมดจะเสียดอกเบี้ยรวม 164,894 บาท

เทียบกับวิธีคิดดอกเบี้ย 4.99% แบบคงที่ กับลิสซิ่งเดิม ดอกเบี้ยเหลือ 112,275 บาท

แต่การเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ยมาเป็นแบบลดต้นลดดอก เป้าหมายคือการโปะใช่ไหม

ดังนั้นหากเติมค่างวดให้ผ่อนเท่ากับลิสซิ่งเดิมคือ 15,619 บาท

จะผ่อนหมดเร็วขึ้น 13 เดือน และดอกเบี้ยรวมจะลดลงเหลือ 126,187 บาท

ยังมากกว่าของเดิม แต่อย่าลืม เป้าหมายการคิดดอกเบี้ยลดต้นดอก คือการโปะ

ระหว่างทางหากมีโบนัส-รายได้พิเศษ ก็อัดโปะเข้าไป จะหมดไวมาก

ยิ่งขยันโปะ ยิ่งลดดอกเบี้ย ลดเงินต้น ตามหลักการคิดดอกเบี้ยประเภทนี้

 

พอนึกภาพกันออกไหมครับ

ว่าการรีไฟแนนซ์รถยนต์ สามารถเติมสภาพคล่องให้ท่านได้

และย้ำอีกรอบว่าควรรีไฟแนนซ์รถยนต์เพื่อการลดภาระผ่อน-เพิ่มสภาพคล่องฉุกเฉิน เป็นหลักนะครับ

ไม่ควรคะนองไปกู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเอามาใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

เหวหนี้ หากตกลงไป ขึ้นยากมากนะครับ

"เหวลึก อย่านึกว่าเหวตื้น

ปากเหวลื่น อย่าคะนองไปลองผลัก

ตกเหวหิน ปีนป่ายยังง่ายนัก

ตกเหวหนี้ ระวัง กระอัก กระเสือก กระสน ไปจนตาย"

แต่ถ้าเดือดร้อนและจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ ก็สามารถกู้เต็มลิมิตได้ครับ

เพียงต้องใช้เงินอย่างมีวินัย บริหารจัดการสภาพคล่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อนาคตจ่ายไม่ไหว ไปเจรจากับเจ้าหนี้ ไม่ต้องหนีนะครับ ^^

 

สมัครสินเชื่อรถแลกเงิน  ไม่ต้องง้อคนค้ำ >> คลิก

 

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ