สภาพคล่องทุกท่านยังโอเคไหมครับตอนนี้ รู้สึกเห็นใจและเข้าใจนะ
ตั้งแต่โควิด-19 บุกไทย สภาพเศรษฐกิจก็ดิ่งลงฮวบ ๆ ข่าวธุรกิจปิดกิจการ-ปลดพนักงาน มาอย่างถี่ ใครโดนลูกหลงไปก็ขอให้ผ่านพ้นโดยเร็ววันเด้ออออ
แต่หากสภาพคล่องเริ่มแย่ และมีรถยนต์ในมือ การรีไฟแนนซ์ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยช่วงนี้นะครับ
ไม่ต้อง "งง" นะ รถยนต์ก็สามารถ "รีไฟแนนซ์" ได้
เหมือนสินเชื่ออื่น ๆ แหล่ะ แต่มักไม่ค่อยมีคนพูดถึง
เพราะชื่อมันไม่ได้บอกว่า "สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์"
แต่จะมาในรูปแบบสินเชื่อ "รถแลกเงิน", "Car for Cash", "เงินติดล้อ" ฯลฯ
ซึ่งมันดูเหมือนเอารถไปจำนำมากกว่าเนอะ (ก่อนนี้ผมก็คิดแบบนั้น ฮ่า ๆ )
และข้อดีของการ "รีไฟแนนซ์" ก็เหมือนสินเชื่ออื่น ๆ คือ
1. ลดดอกเบี้ย
2. ขยายระยะเวลาผ่อนได้
3. ลดค่างวดต่อเดือน
4. มีโอกาสได้เงินส่วนต่าง มาใช้จ่ายฉุกเฉิน
และการรีไฟแนนซ์รถยนต์ สามารถเปลี่ยนรูปแบบการคิดดอกเบี้ยได้
ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน การกู้ซื้อรถ จะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fix Rate)
แต่หากนำไปรีไฟแนนซ์ สามารถเปลี่ยนเป็นแบบลดต้นลดดอกได้ (Effective Rate)
ยกตัวอย่างเลยนะ
เมื่อ 2 ปีก่อนผมซื้อรถเก๋งราคา 1,000,000 บาท
ดอกเบี้ย 4.99% ผ่อน 60 เดือน (5 ปี) ดาวน์ 25% (250,000 บาท)
ดังนั้นยอดจัดจะเท่ากับ 750,000 บาท
รวมกับดอกเบี้ยอีก 187,125 บาท (ยอดจัด x ดอกเบี้ย x จำนวนปี)
เท่ากับว่ายอดรวมสินเชื่อกู้ซื้อรถคือ 937,125 บาท
ซึ่งผมผ่อน 60 เดือน หรือ 5 ปี เท่ากับผมต้องผ่อนเดือนละ 15,619 บาท
ดอกเบี้ยเฉลี่ยเดือนละ 3,119 บาท
ผ่านไป 2 ปี ที่เธอมาหายจาก.....ว้าย ไม่ใช่เพลงพี่ปู !
2 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก...ยังไม่หยุดอีกนะ !
นั่นแหล่ะ...ครบ 2 ปี หรือ 24 เดือน ผมผ่อนรวมทั้งสิ้น 374,850 บาท
ทีนี้ผมก็ไปหาข้อมูลพวกสินเชื่อรถแลกเงินทั้งหลาย
พบว่ามีข้อเสนอมากมายหลายหลาก
ที่สำคัญดอกเบี้ยถูกกว่าเดิม ตามภาวะปัจจุบัน
โดยดอกเบี้ยคงที่จะอยู่ที่เฉลี่ยเพียง 3% ต้น ๆ ต่อปี
หรือดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่เฉลี่ย 9-12% ต่อปี (ถูกกว่าสินเชื่อบุคคล)
ขณะที่บางที่ปล่อยกู้สูงสุดถึง 120% ของราคาประเมินรถ ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน
ไม่ได้นำข้อมูลมาแชร์นะครับ เพราะรถแต่ละยี่ห้อ-รุ่น-ปี ผลลัพธ์จะต่างกัน
แต่วิธีหาสินเชื่อเหล่านี้ไม่ยากนะครับ
Google เลย พิมพ์คำว่า "รถแลกเงิน" มาเกือบทุกเจ้า
โดยผู้ปล่อยกู้จะมีโปรแกรมคำนวณสินเชื่อเบื้องต้นให้
ค่อนข้างง่ายเลย เพราะแค่ระบุยี่ห้อ-รุ่น-ปี ของรถที่ใช้อยู่
ก็จะมีตัวเลขคร่าว ๆ เกี่ยวกับวงเงินที่จะได้รับ-อัตราดอกเบี้ย-ระยะผ่อนสูงสุด
ผมลองเอารถผมเข้าไปคำนวณบ้าง
ราคาประเมินกลางของรถรุ่นที่ผมใช้
ปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 750,000 บาท
ซึ่งดูแลรถดี น่าจะกู้ได้ไม่ต่ำกว่า 80% ของราคาประเมิน
เช่น หากกู้ 80% ผมจะได้เงินรวม 600,000 บาท
นำเงินก้อนนี้ไปปิดหนี้กับลิสซิ่งเดิม 562,275 บาท
ได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินอีก 37,725 บาท
แต่หากกู้ 100% จะได้เงิน 750,000 บาท
ปิดหนี้ลิสซิ่งเดิม 562,275 บาท
ได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินถึง 187,725 บาท
หรือหากกู้ได้ 120% จะได้เงิน 900,000 บาท
ปิดหนี้ลิสซิ่งเดิม 562,275 บาท
ได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินถึง 337,725 บาท
แต่อันสุดท้ายนี่หากไม่เดือดร้อนใช้เงินจริง ๆ อย่าเลยนะ
มันอาจจะเป็นภาระไปมากกว่าเดิม...
ส่วนเรื่องดอกเบี้ย จะขึ้นลงตามระยะเวลาที่ผ่อน อยู่ที่เป้าหมายของคุณคืออะไร
หากอยากรีไฟแนนซ์เพื่อประหยัดดอกเบี้ย
ให้ผ่อนเท่ากับระยะเวลาที่เหลือกับลิสซิ่งเดิมหรือน้อยลง
ซึ่งดอกเบี้ยต่ำอยู่แล้วหากผ่อนสั้น แต่ค่างวดอาจจะเพิ่มขึ้น
แต่....หากอย่างเพิ่มภาพคล่อง ลดภาระค่างวดต่อเดือน
ก็ให้ขยายเวลาผ่อนไปเพิ่มไป
ซึ่งดอกเบี้ยจะมากขึ้นมาหน่อย
อาจจะต่างจากลิสซิ่งเดิมไม่มากนัก
แต่ค่างวดจะลดลง
ยกตัวอย่างกรณีของผมละกัน
1. รีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระผ่อน
กู้ 80% คือ 600,000 บาท
ผ่อน 5 ปี (ขยายเวลาเพิ่มอีก 2 ปี)
คิดดอกเบี้ยต่ำ ๆ เลยที่ 3% ต่อปี ดอกเบี้ยใหม่จะเท่ากับ 90,000 บาท
เงินต้นรวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 690,000 บาท
ผ่อน 5 ปี เหลือเดือนละ 11,500 บาท
เห็นไหมว่าค่างวดหายไป 4,119 บาท
จากเดิมผ่อนเดือนละ 15,619 บาท
ท่านจะได้สภาพคล่องคืนกลับมาอีกโข แต่ละเดือนภาระผ่อนไม่อึดอัดเกินไป
แถมได้เงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินอีก 37,725 บาท
ซึ่งหากรถท่านสภาพดีแล้วสามารถกู้ได้ 100%
ก็สามารถขอกู้เต็มเพื่อให้มีเงินส่วนต่างมาใช้ฉุกเฉินมากขึ้น
แต่ต้องจำเป็นใช้เงินจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่นำมากิน เที่ยว ช้อป
2. รีไฟแนนซ์เพื่อเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ย
กู้ 80% เท่าเดิมนะ 600,000 บาท
(ผมไม่อยากแนะนำให้กู้มากเกิน หากไม่เดือดร้อนเรื่องเงินจริง ๆ
เพราะถ้าไม่มีวินัยการใช้เงิน จากเพิ่มสภาพคล่องจะกลายเป็นเพิ่มสภาพหนี้เอาได้)
ผ่อน 5 ปีไปเลย
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก สมมติว่าได้เรท 10% ต่อปี
เงินต้นรวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 764,894 บาท
ค่างวดอยู่ที่ 12,748 บาทต่อเดือน
ค่างวดลดลงนะวิธีนี้ แต่ดอกเบี้ยรวมกลับเพิ่มขึ้น
โดยหากผ่อนตามกำหนดจนหมดจะเสียดอกเบี้ยรวม 164,894 บาท
เทียบกับวิธีคิดดอกเบี้ย 4.99% แบบคงที่ กับลิสซิ่งเดิม ดอกเบี้ยเหลือ 112,275 บาท
แต่การเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ยมาเป็นแบบลดต้นลดดอก เป้าหมายคือการโปะใช่ไหม
ดังนั้นหากเติมค่างวดให้ผ่อนเท่ากับลิสซิ่งเดิมคือ 15,619 บาท
จะผ่อนหมดเร็วขึ้น 13 เดือน และดอกเบี้ยรวมจะลดลงเหลือ 126,187 บาท
ยังมากกว่าของเดิม แต่อย่าลืม เป้าหมายการคิดดอกเบี้ยลดต้นดอก คือการโปะ
ระหว่างทางหากมีโบนัส-รายได้พิเศษ ก็อัดโปะเข้าไป จะหมดไวมาก
ยิ่งขยันโปะ ยิ่งลดดอกเบี้ย ลดเงินต้น ตามหลักการคิดดอกเบี้ยประเภทนี้
พอนึกภาพกันออกไหมครับ
ว่าการรีไฟแนนซ์รถยนต์ สามารถเติมสภาพคล่องให้ท่านได้
และย้ำอีกรอบว่าควรรีไฟแนนซ์รถยนต์เพื่อการลดภาระผ่อน-เพิ่มสภาพคล่องฉุกเฉิน เป็นหลักนะครับ
ไม่ควรคะนองไปกู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเอามาใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เหวหนี้ หากตกลงไป ขึ้นยากมากนะครับ
"เหวลึก อย่านึกว่าเหวตื้น
ปากเหวลื่น อย่าคะนองไปลองผลัก
ตกเหวหิน ปีนป่ายยังง่ายนัก
ตกเหวหนี้ ระวัง กระอัก กระเสือก กระสน ไปจนตาย"
แต่ถ้าเดือดร้อนและจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ ก็สามารถกู้เต็มลิมิตได้ครับ
เพียงต้องใช้เงินอย่างมีวินัย บริหารจัดการสภาพคล่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อนาคตจ่ายไม่ไหว ไปเจรจากับเจ้าหนี้ ไม่ต้องหนีนะครับ ^^
สมัครสินเชื่อรถแลกเงิน ไม่ต้องง้อคนค้ำ >> คลิก