ไม่มีรายการ

ประกันชีวิต สำคัญแค่ไหน ควรทำเท่าไหร่?

ประกันชีวิต สำคัญแค่ไหน ควรทำเท่าไหร่?

08 กรกฎาคม 2563


เมื่อเราสามารถจัดการเงินเดือนและหนี้สิน เริ่มมีสภาพคล่อง มีเงินเก็บ ก่อนที่จะเอาเงินไปลงทุน อยากให้ทุกคนลองคิดถึงการวางแผนประกันความเสี่ยงก่อน เพื่อไม่ให้ความมั่งคั่งที่เราอุตส่าห์สะสมมาต้องเสียหายไป บางคนสะสมเงินมาหลายปี แต่ต้องหมดไปเพราะป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว

 

เราจึงต้องวางแผนปกป้องความมั่งคั่งก่อน ด้วยการวางแผนประกันชีวิตนั่นเอง

หลายคนอาจมองการทำประกันในแง่ลบ เพราะเคยเจอเพื่อนที่ขายประกันมารบเร้าให้ทำตอนที่เรายังไม่พร้อม แต่ที่จริงการทำประกันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรต้องมี แต่ขีดเส้นใต้หนาๆ ตรงนี้ว่า "มีอย่างเหมาะสม"

 

แล้วเหมาะสมคือเท่าไหร่?

หากจะไม่ให้เป็นภาระมากเกินไป อาจจะเริ่มต้นที่ 10% ของรายได้ (เท่ากับการเริ่มออมเลย ) เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นค่อยทยอยซื้อเพิ่ม

แต่สิ่งที่ต้องคิดให้หนักคือ เราซื้อประกันไปเพื่ออะไร เพราะปัญหาที่พบมากก็คือการซื้อประกันไม่ตรงกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของตนเอง

 

มีประสบการณ์ตรงมาเล่าอีกแล้ว ... แอดมินเองนั้นเริ่มซื้อประกันจากความคิดที่ว่าจะเอาไป "ลดหย่อนภาษี" จึงซื้อประกันแบบออมทรัพย์รวดเดียว 3 ฉบับ เพราะคิดว่ายังไงก็ได้เงินคืน สุดท้ายได้ลดหย่อนภาษีเพียงน้อยนิด แต่ต้องดองเงินไว้ในบริษัทประกัน 15-20 ปี คือกว่าจะได้เงินก็หลังเกษียณโน่นแหละ ส่วนผลตอบแทนน่ะเหรอ...น้อยมาก เพราะเค้าถือว่าเอามาลดหย่อนภาษีได้แล้วไง ตอนหลังถึงคิดได้ว่า ถ้าเอาเงินตรงนี้ไป DCA กองทุน หรือ LTF น่าจะคุ้มค่ากว่า แต่สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ ก็ถือเป็นเงินเก็บไปละกัน

 

 

แล้วมือใหม่อย่างเราๆ ควรวางแผนเลือกประกันชีวิตอย่างไร

ก่อนอื่น ต้องรู้ก่อนว่า ประกันชีวิตแบบพื้นฐานมีอยู่ 4 ประเภท และแต่ละประเภท ก็เหมาะกับเป้าหมายที่ต่างกัน ดังนี้

1. แบบตลอดชีพ : คุ้มครองชีวิตระยะยาว ไม่เน้นผลตอบแทน ได้รับเงินเมื่อเสียชีวิต หรืออายุครบ 90/99 ปี (แล้วแต่กรมธรรม์) เบี้ยประกันค่อนข้างถูก เหมาะสำหรับวางแผนสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว เป็นมรดกแก่ลูกหลาน

2. แบบชั่วระยะเวลา : คุ้มครองชีวิตระยะสั้น-ปานกลาง ช่วง 5-15 ปี ไม่มีผลตอบแทน จะได้ผลประโยชน์ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น เบี้ยประกันถูกที่สุด แต่เป็นแบบจ่ายทิ้ง ไม่มีเงินคืน เหมาะสำหรับคนที่อาจจะต้องไปทำงานหรือใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงในระยะสั้นๆ และต้องการมีหลักประกันไว้ให้ครอบครัว

3. แบบสะสมทรัพย์หรือออมทรัพย์ : เหมาะกับคนที่ต้องการการันตีเงินออม ไม่เน้นความคุ้มครองมากนัก มีทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

4. แบบประกันควบการลงทุน (Unit-Link) : เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งการคุ้มครองชีวิตและผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง รวมไปถึงประกันอุบัติเหตุ ที่เป็นการจ่ายทิ้ง ไม่มีเงินคืน ค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับความุค้มครองและค่ารักษาพยาบาล ซึ่งในส่วนนี้พนักงานประจำอาจมีสวัสดิการจากบริษัทและประกันสังคมอยู่แล้ว หากคิดว่าไม่พอต้องการซื้อเพิ่ม ก็พิจารณาตามความเหมาะสม

 

มีคำกล่าวว่าประกันชีวิตก็เปรียบเสมือน “ร่ม” ยามใดฟ้าใสไร้พายุฝน ร่มจะเป็นภาระ เกะกะ ไม่คล่องตัว แต่ยามใดที่ฝนตกหรือแดดแรง เราจะรู้สึกดีที่มีร่มให้พึ่งพา ... อย่าลืมพกร่วมติดไว้ซักคันนะคะ ^^ 

//////////////////

หากคุณกำลังมองหาแบบประกันที่เหมาะกับตัวคุณ หรือเหมาะกับงบที่คุณมี สามารถเช็คและเปรียบเทียบประกันทั้งหมดที่นี่ คลิก

หรือเช็คผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่น Lumpsum ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้

ระบบ iOS ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : https://apple.co/35AKccL

ระบบ Android ดาวน์โหลดได้ที่นี่ : http://bit.ly/2T6erpj

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ