ไม่มีรายการ

ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ได้ทั้งความคุ้มครอง+ลดหย่อนภาษี
27 พฤษจิกายน 2563
ผมนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะผมยังไม่เคยซื้อประกันชีวิต / สุขภาพเลย
มีแต่ประกันรถยนต์ (ซึ่งต้องมีอะเนอะ) ...
ก็เลยมานั่งศึกษาจริงจัง เพราะรู้สึกว่าอายุขัยล่วงเลยมาถึงวัยละ
ที่ผ่านมาใช้ร่างกายเปลืองมาก (แต่ยังไม่เคยป่วยหนัก)
จึงตระหนักถึงหากร่างกายมันไม่ไหวขึ้นมาล่ะ
ภาระที่ต้องดูแลคนข้างหลังจะทำอย่างไร
และด้วยฐานรายได้ที่เข้าเกณฑ์เสียภาษีแบบได้เรื่องได้ราว
จึงต้องหาอะไรมาลดหย่อนภาษีเพิ่ม ...
"ประกัน" น่าจะตอบโจทย์ที่สุด !!!
อันดับแรก ไปดูก่อนว่า "ประกัน" แบบไหนได้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างไรบ้าง
ก็พบว่ามีดังนี้...
1. เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป/เงินฝากแบบมีประกันชีวิต : ไม่เกิน 100,000 บาท
2. เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา : ไม่เกิน 15,000 บาท
3. เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง : ไม่เกิน 25,000 บาท
ทั้ง 3 ประเภทใช้เบี้ยที่จ่ายตามจริงมาลดหย่อนภาษี
และรวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 100,000 บาท
ผมหาข้อมูลหลายที่มาก เพื่อเปรียบเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ
ประกับแบบไหนมีประโยชน์และความคุ้มครองอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเลยต้องซื้อเบี้ยประกันสุขภาพให้บิดา - มารดาก่อน
เพราะได้รับความคุ้มครองโดยตรง แถมได้ลดหย่อนด้วย
อันนี้ก็เลือกซื้อตามกำลัง เน้นผลประโยชน์การรักษาพยาบาลเป็นที่ตั้ง
เพราะท่านอายุมากแล้ว เจ็บป่วยไข้ย่อมถามหาเป็นธรรมดา
จะให้ไปโรงพยาบาลรัฐ ก็นะ... เอกชนสะดวกและบริการดีกว่า
ซึ่งการมีประกันจะคุ้มค่ากว่ามาก........
ทีนี้เหลือประกันชีวิตกับประกันสุขภาพ
2 อันนี้แตกต่างกันตามชื่อเลยคือ...
ประกันชีวิตจะคุ้มครองกรณีเสียชีวิต
ความหมายคือผู้เอาประกันไม่ใช่คนจ่ายเบี้ย
ทำไว้เพื่อคนข้างหลังโดยเฉพาะ กรณีนี้ ...
เมื่อผมตาย คนที่ผมระบุให้เป็นผู้รับประโยชน์จะได้เงินส่วนนี้
(แอบเซ็งเนอะ คนจ่ายไม่ได้ใช้เงิน ฮ่า ๆ แต่ก็เพื่อคนที่ยังอยู่แหล่ะ)
แต่...ประกันชีวิตมี 2 แบบ คือจ่ายเบี้ยเฉย ๆ ได้คืนเมื่อเราตาย
เลือกไปเลยว่าอยากให้คุ้มครองกี่ปี จ่ายเบี้ยเท่าไหร่ จบ...
กับอีกแบบ คือ ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ และประกันชีวิแบบบำนาญ
อันนี้จ่ายเบี้ยทุกปี จะได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดเวลา + ผลตอบแทน
ได้รับเงินตอนเสียชีวิตเช่นกัน แถมมีเงินคืนให้ เหมือนเป็นการออมเงิน
แต่สิทธิประโชน์ความคุ้มครองตอนเสียชีวิตจะได้น้อยกว่าประกันชีวิตแบบแรกนะ
ซึ่งผมเลือกแบบออมทรัพย์ เพราะผมไม่แคร์ประโยชน์หลังเสียชีวิต (ไม่ได้ใช้นี่นา)
แต่ผมเอาการออมเป็นที่ตั้ง ได้ทั้งออมเงิน ความคุ้มครอง และลดหย่อนภาษี
3 เด้งเลยนะนั่น ^^ ส่วนเบี้ยก็ตามกำลัง (ไม่บอกหรอก ฮี่ ๆ )
สุดท้ายคือประกันสุขภาพ แน่นอนว่าใช้สำหรับรักษาตัว
เผื่อไว้เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ
อันนี้ผมจะเน้นที่ค่ารักษาพยาบาลเป็นพิเศษ เอาดี ๆ แจ่ม ๆ
ครอบคลุมโรคร้ายต่าง ๆ ให้มากที่สุด (เพราะใช้ร่างกายได้น่าป่วยมาก)
จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อหรอกนะ กำลังเปรียบเทียบแต่ละบริษัทอยู่
แต่ซื้อแน่ ๆ ชัวร์ ๆ เร็ว ๆ นี้แหล่ะ...
เฮ้ย !!! แล้วล่าสุด ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกประกันมา
เขาแนะนำให้เป็นข้อคิดในการเลือกประกันไว้ดีมาก คือ ...
1.ให้เลือกความคุ้มครองมาก่อนสิทธิการลดหย่อนภาษีเสมอ
เพราะมันคือผลประโยชน์ระยะยาวของเรา
ภาษีเป็นผลประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้น
เลือกให้ชัดว่า จะเน้นอะไร คุ้มครองชีวิต-ออมเงิน-สุขภาพ
2.ซื้อให้ตรงกับความจำเป็น อย่าซื้อมั่วซั่ว
3.ผลตอบแทนให้ดูค่าเฉลี่ยรวม
อันนี้มักเกิดในประกันแบบออมทรัพย์
ให้ดูที่ IRR (Internal rate of return) ว่าได้กี่เปอร์เซ็น
คือเบี้ยที่จ่ายไปกับผลตอบแทนคิดเป็น IRR เท่าไหร่
อย่าไปดูแค่ว่าได้เงินคืนเท่าไหร่อย่างเดียว
อันนี้คือสิ่งที่ผมศึกษามา
จึงเอามาแชร์กันไว้เป็นข้อมูล
ผิดถูกอย่างไรแนะนำได้นะครับ
สุดท้ายคือซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีนั้นดี
แต่ให้ประโยชน์ในแง่ของประกันมากกว่าสิทธิทางภาษี
ไปเปรียบเทียบข้อมูลต่อละ ^^
อ้อ ... แอพลิเคชั่น Lumpsum ของเราก็มีเปรียบเทียบประกันให้ด้วยนะ
ดีด้วย ผมก็ว่าจะเลือกจากแอพฯ นี้แหล่ะ ..........
//////////////
หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังมองหาแบบประกันที่เหมาะกับคุณ หรือเหมาะกับงบของคุณ สามารถเช็คและเปรียบเทียบ เลือกดูแบบประกันทั้งหมดได้ที่ แอปพลิเคชั่น Lumpsum ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
ค้นหาและเปรียบเทียบประกัน