ไม่มีรายการ

หมัดต่อหมัด หุ้นสหรัฐฯ กับหุ้นจีน ผ่านกองทุนรวม

หมัดต่อหมัด หุ้นสหรัฐฯ กับหุ้นจีน ผ่านกองทุนรวม

16 กันยายน 2563


 ...ในวันที่เพื่อนสาวทำการบ้านมาดี นางไปหาข้อมูลการลงทุนในสหรัฐฯ กับจีน

 

น้องโน่ : ยังไง ๆ ไหนเล่ามาดีออก มาฮัมเพลง ฟ้อนแอ่น เป็นผีบ้าอะไรตรงนี้ เหลามาค่ะ

เพื่อนสาว : ดีออก ขัดจังหวะคนกำลังมีความสุข ขอให้เธอ...ตันค่ะ

น้องโน่ : ไม่มีทางตันจ้า ของไม่เคยขาดนาจา (แสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ หุหุ)

เพื่อนสาว : จ้า นังโบ้เบ้ 555+

น้องเพื่อน : หยุดนอกเรื่องได้แล้วค่ะ แล้วตอบที่ชั้นถาม!!

เพื่อนสาว : โอเค ๆ ก็ลองไปหาข้อมูลเพิ่ม กับลองซื้อกองทุนหุ้นสหรัฐฯ กับกองทุนหุ้นจีน ตามที่เคยคุยกันคราวก่อน ก็ได้ค่าทำสวยมานิด ๆ หน่อย ๆ แหละ

น้องโน่ : นิดหน่อยนี่กี่แสน

เพื่อนสาว : ว่าไป แค่หลักพันจ้ะ

น้องโน่ : นี่คือขายได้กำไรมาแล้ว?

เพื่อนสาว : เปล่า ๆ ล้อเล่นน่ะ แหมมมมม ก็เธอบอกลงทุนระยะยาว ชั้นไม่รีบขายหรอก ค่อย ๆ ซื้อเก็บไปเรื่อย ๆ ทีละเล็กละน้อย ระหว่างนี้ก็ทำความเข้าใจกับการลงทุนต่างประเทศผ่านกองทุนรวมไปด้วย พอชั้นไปทำความเข้าใจดีดีว่าทำไมเราต้องลงทุนต่างประเทศ ชั้นก็เริ่มต้นซื้อเลย

น้องโน่ : ไหนบอกมาว่าทำไมต้องลงทุนต่างประเทศ

 

ทำไม? ต้องลงทุนต่างประเทศ

- เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากกว่า เช่น ถ้าเน้นลงทุนในหุ้น ก็มีหลักทรัพย์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 10,000 บริษัท เป็นต้น

- เพิ่มทางเลือกการลงทุน เพราะมีหลากหลายทางเลือกในการลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ ETF ฯลฯ

- กระจายความเสี่ยงการลงทุนได้ทั่วโลก จากการลงทุนได้หลากหลายภูมิภาค หลายหลายธุรกิจ ภูมิภาคนี้แย่ก็โยกไปภูมิภาคที่แย่น้อยกว่าหรือดีกว่า ธุรกิจนี้ดีก็โยกมา เป็นต้น

 

น้องโน่ : เริ่ดมากลูกสาว ปังปุริเย่ แล้วทำไมถึงเลือกลงทุนกองทุนในหุ้นสหรัฐฯ กับหุ้นจีนละ? ไม่กลัวเหรอ ตอนนี้มีวิกฤติ COVID-19 อยู่นะ

เพื่อนสาว : วิกฤติคือจังหวะซื้อหุ้นถูก ซึ่งวิกฤติไม่ได้มีทุกปี

น้องโน่ : ว้าววววว ดีออก เอามงไปค่ะ 55+

เพื่อนสาว : ส่วนที่ชั้นเลือกหุ้นเมากับหุ้นจีนก็เพราะที่คุยกันคราวก่อนไง ลุยกองทุนรวมหุ้นประเทศไหนดี   จากนั้นชั้นก็ไปหาข้อมูลเพิ่ม

น้องโน่ : ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง เล่ามาค่ะ

เพื่อนสาว : เริ่มที่สหรัฐฯ ก่อนนะ

 

สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มากที่สุดของโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสูงถึง 21.43 ล้านล้านดอลลาร์ ประชากรราว 380 ล้านคน จึงคิดเป็นรายได้ต่อหัวราว 55,800 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี เปรียบเทียบง่าย ๆ กับไทย ลองเอาค่าเงิน 30 บาทคูณเข้าไป ต่อปีคนเมกามีรายได้เฉลี่ยราว 1.7 ล้านบาท ส่วนคนไทยถ้ามีรายได้ต่อปี 1.5 แสนบาทต่อปี ไม่เสียภาษีนะจ๊ะ (ยิ้มอ่อน ^^)

 

ความยิ่งใหญ่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะหลายคนอาจมองว่าฐานยิ่งใหญ่ยิ่งโตยาก ใกล้อิ่มตัว แต่ประเด็นอยู่ที่บริษัทเทคโนโลยี เพราะสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายบริษัท แต่ละบริษัทก็ล้วนเป็นบริษัทชั้นนำของโลก

         APPLE

         FACEBOOK

         GOOGLE

         MICROSOFT

         AMAZON

         TESLA

         ฯลฯ

ฉะนั้น ไม่ต้องอธิบายเยอะเนอะ เพราะหลายบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ของสหรัฐฯ พวกเราก็เป็นลูกค้ากันอยู่แล้ว

 

มาฝั่งจีนบ้าง

จีนเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เพิ่งจะก้าวมาเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกไม่นานนัก แต่กลับแซงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 14.34 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ด้วยเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกกว่า 1.4 พันล้านคน ทำให้รายได้ต่อหัวจึงยังห้างจากสหรัฐฯ อยู่มากที่ตัวเลข 8,254 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี (น้อยกว่าสหรัฐฯ เกือบ 7 เท่า) แต่หากพูดถึงการเติบโต รายได้ต่อหัวของจีนเติบโตเร็วมาก

 

รายได้ต่อหัวต่อปีของจีน

 

รายได้ต่อหัวต่อปีของสหรัฐฯ

 

 

นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีจีนก็ไม่น้อยหน้าสหรัฐฯ หลายบริษัทเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

          HUAWEI

          TIKTOK

          ALIBABA

          XIAOMI

 

นอกจากบริษัทข้างต้นที่คนไทยรู้จักกันดีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจ

MEITUAN DIANPIN (MPNGY) นับเป็น Super App ตัวหนึ่งของคนจีน เพราะ MEITUAN เป็น Food delivery ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

มี Market Share อันดับหนึ่งของจีน ด้วย Volume ประมาณ 6 แสนล้านหยวนต่อปี หรือราว 3 ล้านล้านบาท ที่ซื้อของผ่าน Platform นี้

 

แต่ MEITUAN ไม่ใช่แค่ Food delivery เพราะมีบริการอย่างอื่นด้วย เช่น จองโรงแรม ซื้อตั๋วหนัง ซื้อของ เป็นต้น ปัจจุบันมีคนจีนที่ใช้งานอยู่ปีละ 450 ล้านคน เฉลี่ยคนละประมาณ 27 ครั้งต่อปี

 

นี่เป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของจีนที่มีประชากรเยอะกว่า 1.4 พันลบ. แค่มีฐานลูกค้าหลักในประเทศก็ประสบความสำเร็จ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้แล้ว

 

เกือบลืม เป็นที่คาดหมายกันด้วยว่าไม่นานเกินรอ เศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะแซงสหรัฐฯ เป็นเบอร์หนึ่งของโลกด้วยนะ (หากเทียบจากอัตราการเติบโตของ GDP โดยเฉลี่ยที่จีนโตได้ดีกว่าสหรัฐฯ อย่างชัดเจน)

 

น้องโน่ : โอยยยยยยยยยยยย เริ่ดสุด!!! ชั้นภูมิใจในตัวเธอมาก

เพื่อนสาว : ก็ไม่รู้ซินะ อิอิ

เพื่อนสาว : ไหนลองสรุปให้ชั้นฟังแบบหมัดต่อหมัด ว่าสหรัฐฯ กับจีน มีดีอย่างไร

 

สรุป

- สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

- บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ

- จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

- แถมการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดดเด่นกว่าสหรัฐฯ ชัดเจน

- จีนเองก็มีบริษัทเทคโนโลยีเช่นกัน แต่บางส่วนเน้นทำธุรกิจในประเทศ ที่ได้เปรียบจากการมีประชากรมากที่สุดในโลก

 

อ้างอิง

https://tradingeconomics.com/

https://aommoney.com/

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ