วิธีรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ให้ผ่านง่าย พร้อมเทคนิคเตรียมตัวและข้อมูลสำคัญ

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่มีความผันผวน การบริหารจัดการภาระหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว การรีไฟแนนซ์บ้าน ได้กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินเชิงรุกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับผู้กู้ที่ต้องการปรับปรุงเงื่อนไขสัญญาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน บทความนี้จึงได้รวบรวมและวิเคราะห์ ขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน สำหรับปี 2568 อย่างเป็นระบบ พร้อมนำเสนอเทคนิคการเตรียมความพร้อมและข้อมูลเชิงลึก เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้กู้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและได้รับประโยชน์สูงสุด หลักการสำคัญและวัตถุประสงค์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน การรีไฟแนนซ์บ้าน (Home Refinancing) คือ กระบวนการทางการเงินที่ผู้กู้ยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยก้อนใหม่จากสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อนำไปชำระคืนภาระหนี้สินเชื่อเดิมที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเก่าทั้งหมด โดยทั่วไปมักดำเนินการเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาสัญญาดอกเบี้ยอัตราพิเศษ (โดยปกติคือ 3 ปี) ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวเป็นแบบลอยตัวและสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านมักมีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้: 1.เพื่อลดภาระดอกเบี้ย: เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือการเปลี่ยนไปรับเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยโดยรวม 2.เพื่อปรับสภาพคล่องทางการเงิน: การรีไฟแนนซ์อาจช่วยลดค่างวดผ่อนชำระรายเดือนลง ทำให้ผู้กู้มีสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้น 3.เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม: ผู้กู้สามารถขอวงเงินกู้เพิ่ม (Cash-out) จากมูลค่าหลักประกันที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อนำเงินก้อนไปใช้ตามวัตถุประสงค์อื่น เช่น การปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน หรือการปิดภาระหนี้สินเชื่ออื่นที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 4.เพื่อปรับโครงสร้างหนี้: เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาบางประการ เช่น การขยายหรือลดระยะเวลาผ่อนชำระให้เหมาะสมกับแผนการเงิน ประโยชน์ที่ได้รับจากการรีไฟแนนซ์บ้าน การรีไฟแนนซ์บ้านที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างประโยชน์ทางการเงินที่ชัดเจนหลายประการ: 1.การลดลงของอัตราดอกเบี้ย: ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดคือการได้รับ อัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3 ปีแรกของสัญญาใหม่ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้ส่วนประกอบของค่างวดที่เป็นดอกเบี้ยลดลง และส่วนที่เป็นการชำระคืนเงินต้นเพิ่มขึ้น ทำให้ภาระหนี้โดยรวมลดลงเร็วขึ้น 2.การลดค่างวดผ่อนชำระรายเดือน: ในหลายกรณี การรีไฟแนนซ์สามารถนำไปสู่การลดขนาดของค่างวดผ่อนชำระรายเดือน ซึ่งช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละเดือนให้แก่ผู้กู้ได้เป็นอย่างดี 3.การเข้าถึงวงเงินกู้เพิ่มเติม: ผู้กู้สามารถขอวงเงินกู้เพิ่มเติม (Cash-out) จากส่วนต่างของราคาประเมินหลักทรัพย์ที่สูงขึ้น เพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การลงทุน หรือการชำระหนี้สินเชื่อประเภทอื่นที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งเป็นการบริหารจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ 8 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ปี 2568 ให้ผ่านง่าย กระบวนการรีไฟแนนซ์บ้านประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญหลายประการ ซึ่งผู้กู้ควรทำความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อการดำเนินการที่เป็นไปอย่างราบรื่นและลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด การเตรียมความพร้อมที่ดีในแต่ละขั้นตอนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อตามเงื่อนไขที่คาดหวัง โดยมีแนวทางปฏิบัติ 8 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1: การตรวจสอบและประเมินสถานะสินเชื่อปัจจุบัน ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจภาระผูกพันเดิมของตนเอง ผู้กู้ควรดำเนินการติดต่อสถาบันการเงินเก่าเพื่อขอเอกสารสรุปยอดหนี้คงค้าง (Statement of Outstanding Debt) และตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาปัจจุบันอย่างละเอียด โดยเฉพาะประเด็นต่อไปนี้: ㅤㅤ- ยอดหนี้เงินต้นคงเหลือ: เพื่อทราบจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการปิดบัญชี ㅤㅤ- อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน: เพื่อใช้เป็นฐานในการเปรียบเทียบกับข้อเสนอใหม่ ㅤㅤ- เงื่อนไขค่าปรับกรณีไถ่ถอนก่อนกำหนด (Prepayment Penalty): โดยทั่วไป สัญญาสินเชื่อบ้านจะมีเงื่อนไขห้ามไถ่ถอนภายในระยะเวลา 3 ปีแรก หากผิดสัญญาอาจมีค่าปรับประมาณ 2-3% ของยอดเงินต้นคงค้าง ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาความคุ้มค่าในการรีไฟแนนซ์ ขั้นตอนที่ 2: การวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงิน หลังจากทราบสถานะของตนเองแล้ว ผู้กู้ควรเริ่มกระบวนการสืบค้นและวิเคราะห์ข้อเสนอการรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินต่างๆ อย่างน้อย 3-4 แห่ง การเปรียบเทียบไม่ควรมองเพียงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดในปีแรก แต่ต้องพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมด ได้แก่: ㅤㅤ- ประเภทและอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี: เปรียบเทียบทั้งอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่และแบบลอยตัว (เช่น MRR-X%) เพื่อหาค่าเฉลี่ยที่แท้จริง ㅤㅤ- วงเงินกู้สูงสุด: พิจารณาอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-to-Value: LTV) ที่แต่ละธนาคารเสนอ ㅤㅤ- ค่าธรรมเนียมต่างๆ: สอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าจดจำนอง ค่าประเมินหลักทรัพย์ ค่าอากรแสตมป์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ㅤㅤ- โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย: ตรวจสอบเงื่อนไขพิเศษ เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการได้ ขั้นตอนที่ 3: การรวบรวมและจัดเตรียมเอกสารประกอบการพิจารณา ความพร้อมด้านเอกสารถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการอนุมัติรวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้กู้ควรจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน โดยแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ดังนี้: 1.เอกสารส่วนบุคคล: สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี), สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี) 2.เอกสารแสดงรายได้และสถานะทางการเงิน: ㅤㅤ- พนักงานประจำ: สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน (อายุไม่เกิน 1-2 เดือน), รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ㅤㅤ- เจ้าของกิจการ/อาชีพอิสระ: หนังสือรับรองบริษัท, รายการเดินบัญชีของบุคคลและกิจการย้อนหลัง 6-12 เดือน, เอกสารการเสียภาษี (ภ.พ.30, ภ.ง.ด.90/91) 3.เอกสารเกี่ยวกับหลักทรัพย์ค้ำประกัน: สำเนาโฉนดที่ดินทุกหน้า, สัญญากู้เงินและสัญญาจดจำนองกับสถาบันการเงินเดิม, ใบเสร็จการผ่อนชำระค่างวด ขั้นตอนที่ 4: การยื่นคำขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ เมื่อเลือกสถาบันการเงินที่ให้ข้อเสนอดีที่สุดและเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้ดำเนินการยื่นใบคำขอสินเชื่อพร้อมเอกสารประกอบทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารนั้นๆ ควรตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลในใบคำขอเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในการพิจารณา ขั้นตอนที่ 5: กระบวนการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน หลังจากรับเรื่องแล้ว สถาบันการเงินแห่งใหม่จะดำเนินการส่งบริษัทประเมินราคาที่ได้รับการรับรองเข้าไปสำรวจและประเมินมูลค่าตลาดที่เป็นปัจจุบันของหลักประกัน (บ้านหรือคอนโดมิเนียม) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติและกำหนดวงเงินกู้สูงสุด โดยผู้กู้มักเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ขั้นตอนที่ 6: การพิจารณาสินเชื่อและแจ้งผลการอนุมัติ ในช่วงนี้ธนาคารจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของผู้กู้ ได้แก่ ความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Ratio), ประวัติข้อมูลเครดิตจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB), ความมั่นคงของรายได้ และมูลค่าของหลักประกัน โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อ ขั้นตอนที่ 7: การนัดหมายเพื่อไถ่ถอนและจดจำนอง ณ สำนักงานที่ดิน เมื่อได้รับอนุมัติ ผู้กู้จะต้องนัดหมายวันทำธุรกรรมที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่ที่หลักทรัพย์ตั้งอยู่ โดยในวันนัดหมายจะมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ ตัวผู้กู้, ผู้แทนจากสถาบันการเงินเดิม, และผู้แทนจากสถาบันการเงินใหม่ กระบวนการสำคัญในวันนี้คือ: ㅤㅤ- ผู้แทนธนาคารใหม่จะมอบเช็คเพื่อชำระหนี้คงค้างทั้งหมดให้แก่ผู้แทนธนาคารเดิม ㅤㅤ- ผู้แทนธนาคารเดิมจะดำเนินการ "ไถ่ถอน" หลักประกันออกจากภาระจำนอง ㅤㅤ- ผู้กู้จะลงนามในสัญญากู้เงินฉบับใหม่ และดำเนินการ "จดจำนอง" หลักประกันนั้นกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ทันที ขั้นตอนที่ 8: การสิ้นสุดกระบวนการและรับมอบสัญญาฉบับใหม่ หลังจากดำเนินการจดจำนองใหม่เรียบร้อยแล้ว ถือว่ากระบวนการรีไฟแนนซ์บ้านได้เสร็จสิ้นลงโดยสมบูรณ์ โฉนดที่ดินจะถูกส่งมอบให้สถาบันการเงินแห่งใหม่เป็นผู้เก็บรักษา และผู้กู้จะได้รับสำเนาสัญญาเงินกู้และสัญญาจดจำนองฉบับใหม่ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงเริ่มต้นการผ่อนชำระกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ตามเงื่อนไขในสัญญาต่อไป แน่นอนครับ นี่คือการปรับปรุงเนื้อหาในส่วน "ค่าใช้จ่าย" และ "เทคนิคการเตรียมตัว" ให้มีความเป็นทางการ ละเอียด และนำเสนอในรูปแบบบทความเชิงวิเคราะห์ที่ให้ความรู้เชิงลึกยิ่งขึ้น ประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์บ้าน การตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านจำเป็นต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าสุทธิ ซึ่งหมายถึงการเปรียบเทียบระหว่างดอกเบี้ยที่ประหยัดได้กับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกระบวนการ ผู้กู้ควรเตรียมความพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้ เพื่อการวางแผนทางการเงินที่แม่นยำ 1.ค่าจดจำนอง: เป็นค่าธรรมเนียมที่ชำระให้แก่กรมที่ดินในการจดทะเบียนภาระผูกพันบนหลักประกัน ตามกฎหมายกำหนดไว้ที่ 1% ของวงเงินกู้ อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ควรติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งในบางช่วงเวลาอาจมีการประกาศลดค่าจดจำนองลงเหลือเพียง 0.01% ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ 2.ค่าประเมินมูลค่าหลักทรัพย์: เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับให้บริษัทประเมินที่เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงินเข้าประเมินมูลค่าตลาดของบ้านหรือคอนโดมิเนียม เพื่อใช้กำหนดวงเงินกู้อนุมัติ โดยทั่วไปมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 2,000 ถึง 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของอสังหาริมทรัพย์ 3.ค่าอากรแสตมป์: เป็นค่าธรรมเนียมที่ชำระให้แก่กรมสรรพากร สำหรับการทำสัญญากู้ยืมเงิน โดยคิดในอัตรา 0.05% ของวงเงินกู้ สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท 4.ค่าธรรมเนียมดำเนินการสินเชื่อ: เป็นค่าบริการที่สถาบันการเงินบางแห่งอาจเรียกเก็บสำหรับเป็นค่าดำเนินการด้านเอกสารและการพิจารณาสินเชื่อ โดยอัตราจะแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง และบ่อยครั้งที่มักมีโปรโมชั่นยกเว้นค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ 5.ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย: เป็นการทำประกันภาคบังคับตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวบ้านอันเนื่องมาจากอัคคีภัย ซึ่งเป็นหลักประกันของสินเชื่อ โดยผู้กู้มีหน้าที่ต้องทำประกันนี้ตลอดอายุสัญญากู้ 6.ค่าเบี้ยประกันสินเชื่อเพื่อคุ้มครองวงเงินกู้ (MRTA): ประกันประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองภาระหนี้ในกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ โดยทั่วไปแล้ว การทำประกัน MRTA ถือเป็นความสมัครใจ ไม่ใช่ข้อบังคับ อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินมักเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษหรือเงื่อนไขที่ดีกว่าเพื่อจูงใจให้ผู้กู้ทำประกันประเภทนี้ควบคู่ไปด้วย 7.ค่าปรับกรณีไถ่ถอนก่อนกำหนด: เป็นค่าใช้จ่ายที่อาจต้องชำระให้กับ สถาบันการเงินเดิม หากการรีไฟแนนซ์เกิดขึ้นก่อนครบกำหนดระยะเวลาในสัญญา (โดยทั่วไปคือ 3 ปี) ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเริ่มกระบวนการ กลยุทธ์และเทคนิคการเตรียมความพร้อมเพื่อการอนุมัติสินเชื่อที่ราบรื่น ความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับการหาอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้กู้ที่มีคุณภาพและมีความเสี่ยงต่ำต่อสถาบันการเงิน การเตรียมความพร้อมเชิงกลยุทธ์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติได้อย่างมาก การรักษาประวัติทางการเงินที่ยอดเยี่ยม: สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับวินัยและความน่าเชื่อถือทางการเงินเป็นอันดับแรก ผู้กู้ควรมีประวัติการผ่อนชำระหนี้ทุกประเภทอย่างสม่ำเสมอและตรงต่อเวลา โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านเดิม ควรปราศจากประวัติการค้างชำระอย่างน้อย 12 เดือนย้อนหลัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้พิจารณาสินเชื่อ การบริหารจัดการภาระหนี้สินรวม: ธนาคารจะพิจารณาสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) ของผู้กู้ ก่อนยื่นขอรีไฟแนนซ์ หากเป็นไปได้ควรพยายามลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นอื่นๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่แข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินตามที่ต้องการ การเตรียมความพร้อมด้านเอกสาร: การยื่นเอกสารที่ครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นระเบียบตั้งแต่ครั้งแรก ไม่เพียงแต่ช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการพิจารณา แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจและความตั้งใจจริงของผู้กู้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สถาบันการเงินมองหา การเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม: การดำเนินการรีไฟแนนซ์ควรเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้กู้ได้ผ่อนชำระกับธนาคารเดิมมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับกรณีไถ่ถอนก่อนกำหนด นอกจากนี้ การยื่นเรื่องในช่วงเวลาที่ตนเองมีสถานะทางการงานและรายได้ที่มั่นคงจะช่วยสนับสนุนผลการพิจารณาในเชิงบวก การวิเคราะห์เปรียบเทียบอย่างรอบด้าน: ไม่ควรมุ่งเน้นเพียงอัตราดอกเบี้ย แต่ต้องวิเคราะห์เงื่อนไขและโครงสร้างของผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของตนเอง เช่น หากต้องการวงเงินเพิ่มเพื่อสภาพคล่อง ควรเลือกสถาบันการเงินที่ให้วงเงินกู้สูงสุด (LTV) ในระดับที่น่าพอใจ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเอง คือกุญแจสำคัญสู่การรีไฟแนนซ์ที่ประสบความสำเร็จ เหนือสิ่งอื่นใด ผู้กู้ควรตระหนักอยู่เสมอว่าเป้าหมายสูงสุดของการรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การยกระดับคุณภาพชีวิตทางการเงิน การลดภาระดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ในแต่ละเดือน สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินออมเพื่ออนาคต, ทุนการศึกษาของบุตร, เงินลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง หรือแม้แต่การเพิ่มสภาพคล่องเพื่อลดความตึงเครียดในชีวิตประจำวัน การมองให้เห็นถึงประโยชน์ปลายทางเหล่านี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การดำเนินการที่ดูซับซ้อนกลายเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่จะลงแรง ดังนั้น การตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านที่วางแผนมาอย่างดีในวันนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการลดภาระหนี้ แต่คือการลงทุนที่ชาญฉลาดเพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืนของท่านเอง

  Lumpsum .


  18 กรกฎาคม 2568

รีไฟแนนซ์บ้าน vs คอนโด ต่างกันอย่างไร?

ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการภาระหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยผ่าน การรีไฟแนนซ์ ถือเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่สำคัญสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม เกิดเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า แม้หลักการพื้นฐานของการรีไฟแนนซ์จะเหมือนกัน แต่สินทรัพย์ที่มีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่าง "บ้านพร้อมที่ดิน" และ "คอนโดมิเนียม" นั้น มีปัจจัยที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาแตกต่างกันหรือไม่ บทความนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึง ความแตกต่าง ที่ซ่อนอยู่ในการ รีไฟแนนซ์บ้าน และ รีไฟแนนซ์คอนโด พร้อมนำเสนอข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่สำคัญสำหรับปี 2568 หลักการร่วมของการรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย โดยพื้นฐานแล้ว การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ กระบวนการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยก้อนใหม่จากสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อนำไปชำระคืนภาระหนี้สินเชื่อเดิมทั้งหมด วัตถุประสงค์หลักคือการเข้าถึงเงื่อนไขสัญญาที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและประหยัดเงินในระยะยาว หลักการนี้สามารถนำมาปรับใช้ได้กับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทุกประเภท และมักจะดำเนินการเมื่อผู้กู้ได้ผ่อนชำระกับสถาบันการเงินเดิมมาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับจากการไถ่ถอนหนี้ก่อนกำหนด การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย : ความเหมือนที่ซ่อนความต่าง เมื่อพิจารณาจากข้อมูลของสถาบันการเงินส่วนใหญ่ในปี 2568 จะพบว่า ตาราง อัตราดอกเบี้ย สำหรับการรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัยนั้น มักจะประกาศเป็นอัตราเดียวกันโดยไม่ได้แยกประเภทระหว่าง บ้าน และ คอนโด อย่างชัดเจน กล่าวคือ โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ต้องการ รีไฟแนนซ์บ้าน และ รีไฟแนนซ์คอนโด จะอยู่ภายใต้โครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารมองว่าสินทรัพย์ทั้งสองประเภทเป็นหลักประกันเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีความเสี่ยงไม่แตกต่างกันมากนักในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตารางอัตราดอกเบี้ยที่ประกาศไว้ แต่แฝงอยู่ในหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงและเงื่อนไขปลีกย่อยที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อ "วงเงินกู้สูงสุด" ที่จะได้รับ และในบางกรณีอาจส่งผลต่อ "อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้าย" ที่ผู้กู้แต่ละรายจะได้รับอีกด้วย ปัจจัยที่แตกต่างกันซึ่งบทความนี้จะวิเคราะห์ในลำดับถัดไป ได้แก่ เกณฑ์การประเมินมูลค่าหลักประกัน - อัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-to-Value: LTV) - การพิจารณาปัจจัยแวดล้อมและสภาพคล่องของทรัพย์สิน - เงื่อนไขด้านประกันภัยที่เกี่ยวข้อง เงื่อนไขและข้อแตกต่างระหว่างรีไฟแนนซ์บ้านกับคอนโด แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ประกาศอาจไม่แตกต่างกัน แต่ปัจจัยที่สถาบันการเงินใช้ในการประเมินความเสี่ยงและการอนุมัติวงเงินสำหรับ บ้าน และ คอนโด นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้ 1. การประเมินมูลค่าหลักประกันและสภาพคล่อง (Valuation and Liquidity) การรีไฟแนนซ์บ้าน (บ้านเดี่ยว/ทาวน์โฮม): มูลค่าของบ้านจะผูกกับปัจจัยสองส่วนคือ ตัวอาคารและ ที่ดิน ซึ่งที่ดินถือเป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาวและมีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้ธนาคารประเมินความเสี่ยงต่ำกว่า และมีแนวโน้มที่จะประเมินให้ราคาสูง การขอวงเงินกู้เพิ่ม (Cash-out) จึงมักทำได้ง่ายกว่าหากราคาที่ดินในทำเลนั้นปรับตัวสูงขึ้น การรีไฟแนนซ์คอนโด: มูลค่าของคอนโดมิเนียมเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมในอาคาร (อสังหาริมทรัพย์) โดยไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยตรง มูลค่าจึงอ่อนไหวต่อปัจจัยหลายด้าน เช่น อายุของอาคารซึ่งมีค่าเสื่อม, คุณภาพการบริหารจัดการของนิติบุคคล, และอุปทานของยูนิตอื่นในโครงการหรืออาคารข้างเคียง ธนาคารจึงอาจพิจารณาถึงสภาพคล่องในการซื้อขายเปลี่ยนมือที่อาจต่ำกว่าบ้านเดี่ยว 2. วงเงินกู้สูงสุด (Loan-to-Value Ratio - LTV) การรีไฟแนนซ์บ้าน: ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำกว่าและมูลค่าที่ดินที่มั่นคง สถาบันการเงินจึงมักเสนอ วงเงินกู้ สูงสุดได้ถึง 95-100% ของราคาประเมิน การรีไฟแนนซ์คอนโด: เนื่องจากความเสี่ยงด้านค่าเสื่อมและสภาพคล่องที่สูงกว่า ธนาคารอาจใช้เกณฑ์ LTV ที่ระมัดระวังกว่า โดยอาจอนุมัติวงเงินกู้สูงสุดที่ 90-95% ของราคาประเมิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงการคอนโดที่มีอายุมาก หรือตั้งอยู่ในทำเลที่มีการแข่งขันสูง 3. อายุของหลักประกันและระยะเวลาผ่อนชำระ (Asset Age and Loan Tenure) การรีไฟแนนซ์บ้าน: โดยทั่วไปธนาคารมีความยืดหยุ่นเรื่องอายุของตัวบ้านมากกว่า และสามารถให้ระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 35-40 ปี ตราบใดที่อายุของผู้กู้รวมกับระยะเวลาผ่อนแล้วไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น 70 ปี) การรีไฟแนนซ์คอนโด: สถาบันการเงินจะพิจารณา อายุของอาคารอย่างเข้มงวดกว่าคอนโดมิเนียมที่มีอายุมาก (เช่น เกิน 20-25 ปี) อาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงด้านโครงสร้างและค่าบำรุงรักษาสูง ธนาคารบางแห่งอาจมีนโยบายจำกัดระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นลง หรืออาจปฏิเสธการรับรีไฟแนนซ์คอนโดที่มีอายุมากเกินไป กลยุทธ์การเลือกรีไฟแนนซ์บ้านและคอนโดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้การรีไฟแนนซ์ประสบความสำเร็จและคุ้มค่าที่สุด ผู้กู้ควรใช้กลยุทธ์ในการเตรียมตัวและตัดสินใจดังนี้ 1.การวิเคราะห์ต้นทุนเทียบกับผลประโยชน์สุทธิ เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับทั้งบ้านและคอนโด โดยคำนวณดอกเบี้ยที่คาดว่าจะประหยัดได้ตลอด 3 ปีข้างหน้า แล้วนำมาหักลบกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรีไฟแนนซ์ (ค่าจดจำนอง, ค่าประเมิน, ค่าอากรแสตมป์ ฯลฯ) เพื่อหาความคุ้มค่าที่แท้จริง 2.การประเมินคุณสมบัติเฉพาะของคอนโดมิเนียม สำหรับผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์คอนโด ควรตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของโครงการตนเองก่อนยื่นเรื่อง เช่น อายุของอาคาร, สถานะทางการเงินและชื่อเสียงของนิติบุคคล, และราคาซื้อขายล่าสุดของยูนิตอื่นในโครงการ เพื่อประเมินโอกาสในการได้รับอนุมัติและวงเงินที่น่าพอใจ 3.การเจรจาต่อรองและใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่น ผู้กู้ที่มีประวัติทางการเงินดีและมีหลักทรัพย์อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ถือว่ามีอำนาจในการต่อรอง ควรสอบถามถึงโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ โดยเฉพาะการยกเว้นค่าธรรมเนียม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเริ่มต้นได้อย่างมาก ประโยชน์หลักของการรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการ รีไฟแนนซ์บ้าน หรือคอนโด หากดำเนินการอย่างถูกต้องจะได้รับประโยชน์หลักร่วมกัน ดังนี้ 1.ลดภาระดอกเบี้ย การเปลี่ยนไปใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้อย่างมีนัยสำคัญ 2.เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน อาจส่งผลให้ค่างวดรายเดือนลดลง หรือได้รับเงินก้อนเพิ่มเติมจากการขอวงเงินเพิ่ม (Cash-out) 3.โอกาสในการปลดหนี้เร็วขึ้น หากผู้กู้ยังคงชำระค่างวดเท่าเดิมแม้ดอกเบี้ยจะลดลง จะทำให้สัดส่วนการตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น และสามารถผ่อนชำระหนี้ให้หมดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสรุป แม้ว่ากระบวนการและอัตราดอกเบี้ยในการรีไฟแนนซ์บ้าน และรีไฟแนนซ์คอนโดในปี 2568 จะมีความคล้ายคลึงกันในภาพรวม แต่ความแตกต่างที่แท้จริงนั้น อยู่ในหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงของสถาบันการเงิน ซึ่งมีมุมมองต่อ "บ้านพร้อมที่ดิน" และ "คอนโดมิเนียม" แตกต่างกันในด้านมูลค่าระยะยาว สภาพคล่องและความเสื่อมโทรมตามกาลเวลา ดังนั้น การตัดสินใจรีไฟแนนซ์ที่ชาญฉลาดจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่าแค่ตัวเลขดอกเบี้ย โดยผู้ที่ต้องการ รีไฟแนนซ์บ้าน อาจมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพื่อขอวงเงินกู้สูงสุด ในขณะที่ผู้ที่ต้องการ รีไฟแนนซ์คอนโด จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับคุณลักษณะเฉพาะของโครงการตนเองเป็นพิเศษ การเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับประเภทของสินทรัพย์ จะนำไปสู่การรีไฟแนนซ์ที่ประสบความสำเร็จและสร้างประโยชน์สูงสุดได้อย่างแท้จริง

  Lumpsum .


  17 กรกฎาคม 2568

รีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ธนาคารไหนดี? อัปเดตดอกเบี้ยล่าสุด เปรียบเทียบข้อเสนอแต่ละธนาคาร

การรีไฟแนนซ์บ้านในปี 2568 ยังคงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระดอกเบี้ยและปรับโครงสร้างหนี้บ้านให้เหมาะกับสถานการณ์การเงินของตนเอง โดยปัจจุบันธนาคารหลายแห่งมีข้อเสนอรีไฟแนนซ์บ้านที่น่าสนใจ ทั้งในด้านอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขการกู้ และโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านในปีนี้ บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลดอกเบี้ยและรายละเอียดจากธนาคารชั้นนำ เพื่อให้เห็นภาพรวมและเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ล่าสุดจากธนาคารชั้นนำ ในปี 2568 ธนาคารต่าง ๆ ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกของแต่ละธนาคารอยู่ในช่วง 2.90% ถึง 3.59% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าดอกเบี้ยบ้านปกติที่มักจะสูงกว่า 6% ต่อปีในระยะยาว โดยแต่ละธนาคารมีรายละเอียดดังนี้ ตัวอย่างข้อเสนอรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารต่าง ๆ ปี 2568 สำหรับผู้ที่กำลังมองหารีไฟแนนซ์บ้านในปี 2568 ธนาคารแต่ละแห่งมีข้อเสนอที่แตกต่างกันทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขการกู้ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น บทความนี้ได้สรุปข้อเสนอรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารชั้นนำในประเทศไทย โดยเน้นตัวเลขและข้อมูลที่ตรงกับต้นฉบับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GHB) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.70% ปีที่ 1 = 1.79% ปีที่ 2 = 2.80% ปีที่ 3 = 3.50% วงเงินกู้สูงสุดเป็นไปตามเกณฑ์หลักประกันของธนาคาร เหมาะกับผู้กู้รายได้ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป หรือกลุ่มลูกค้าสวัสดิการ/วิชาชีพ ระยะเวลากู้สูงสุด 40 ปี ฟรีค่าจดจำนองในบางกรณี ธนาคารออมสิน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ปีแรก 1.990% ปีที่ 2 2.990% ปีที่ 3 3.990% หลังจากนั้น MRR – 0.750% วงเงินกู้สูงสุด 110% ของราคาประเมินหลักประกัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการวงเงินสูงและมีรายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป ระยะเวลากู้สูงสุด 30 ปี MRR ปัจจุบัน 6.545% ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ปีที่ 1 1.99% ปีที่ 2 3.39% ปีที่ 3 4.49% หลังจากนั้น MLR-0.90% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมินหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี ฟรีค่าธรรมเนียมจดจำนองหากกู้มากกว่า 5 ปี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.91% - 5.23% ธนาคารกสิกรไทย วงเงินกู้ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1: ปีแรก 1.99% ปีที่ 2 3.16% ปีที่ 3 4.16% แบบที่ 2: คงที่ 3 ปี 3.10% หากไม่ทำประกัน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีจะอยู่ที่ 3.27% (ปีที่ 1 = 2.49% ปีที่ 2 = 3.16% ปีที่ 3 = 4.16%) วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน เหมาะกับลูกค้าที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.983% ปีที่ 1 = 2.35% ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.65% วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน ฟรีค่าประเมินหลักประกัน สำหรับอาคารพาณิชย์ วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5.05% (1-5 ล้านบาท) และ 4.80% (5 ล้านบาทขึ้นไป) ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำสุด 2.89% (สำหรับลูกค้ารับเงินเดือนผ่านบัญชี TTB Payroll และสมัครผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท) ปีที่ 1 = 0.99% ปีที่ 2-3 = 3.84% ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง ฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ วงเงินกู้ขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุด 50,000,000 บาท และไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน ระยะเวลากู้สูงสุด 35 ปี ธนาคารกรุงเทพ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.45% ปีที่ 1 = 2.75% ปีที่ 2-3 = MRR-3.10% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของภาระหนี้คงเหลือ เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เมื่อสมัครประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต MRR ปัจจุบัน 6.900% ธนาคารไทยพาณิชย์ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.32% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน ฟรีค่าประเมินหลักประกัน ฟรีประกันอัคคีภัย 3 ปี ฟรีค่าจดจำนองสูงสุด 100,000 บาท (ตามเงื่อนไขธนาคาร) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.64% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน ระยะเวลากู้สูงสุด 30 ปี ธนาคารยูโอบี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.89% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน ระยะเวลากู้สูงสุด 30 ปี ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 5.90% - 6.10% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน ระยะเวลากู้สูงสุด 30 ปี ธนาคารเกียรตินาคินภัทร อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.33% วงเงินกู้สูงสุด 110% ของราคาประเมิน ระยะเวลากู้สูงสุด 40 ปี หมายเหตุ: ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ อ้างอิงจากประกาศของแต่ละธนาคารในปี 2568 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของแต่ละธนาคาร ผู้สนใจควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับธนาคารโดยตรงก่อนตัดสินใจ เงื่อนไขและข้อควรรู้ในการรีไฟแนนซ์บ้าน วงเงินกู้สูงสุดโดยทั่วไปอยู่ที่ 100% ของราคาประเมินหลักประกัน หรือบางธนาคารให้สูงสุด 110% เช่น ธนาคารออมสิน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 30-40 ปี ขึ้นอยู่กับธนาคารและอายุผู้กู้ ผู้กู้ควรมีประวัติการชำระหนี้ดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ และมีรายได้แน่นอนตามที่ธนาคารกำหนด การรีไฟแนนซ์บ้านอาจมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าประเมินหลักประกัน ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แต่บางธนาคารมีโปรโมชันออกค่าใช้จ่ายให้บางส่วนหรือทั้งหมด หลังจากรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว ผู้กู้จะได้รับอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำลง ส่งผลให้ค่างวดรายเดือนลดลงและสามารถบริหารจัดการการเงินได้ดีขึ้น ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดหนี้ เตรียมเอกสารส่วนบุคคลและเอกสารทางการเงิน เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน เลือกธนาคารใหม่และยื่นคำขอรีไฟแนนซ์ เจ้าหน้าที่ธนาคารประเมินหลักประกันและพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ นัดวันไถ่ถอนกับธนาคารเดิมและทำสัญญากับธนาคารใหม่ที่สำนักงานที่ดิน โอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบโฉนดให้ธนาคารใหม่ สรุป การรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 มีทางเลือกและโปรโมชันจากธนาคารชั้นนำให้เลือกหลากหลาย โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ระหว่าง 2.90% ถึง 3.59% วงเงินกู้สูงสุด 100-110% ของราคาประเมินหลักประกัน และมีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับผู้กู้ทั้งกลุ่มรายได้ประจำและอาชีพอิสระ การเปรียบเทียบข้อเสนอและตรวจสอบข้อมูลจากแต่ละธนาคารก่อนตัดสินใจจะช่วยให้การรีไฟแนนซ์บ้านในปีนี้เป็นไปอย่างคุ้มค่า จากข้อมูลทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการ รีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ยังคงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพสูงในการบริหารจัดการภาระหนี้สินระยะยาว การแข่งขันของสถาบันการเงินต่างๆ ได้นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้กู้ ทั้งในด้าน อัตราดอกเบี้ย ที่น่าดึงดูดใจ วงเงินอนุมัติที่ยืดหยุ่น และโปรโมชันเสริมที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะแรก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่เอื้อให้การ ลดภาระหนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จริงและเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกสถาบันการเงินที่เหมาะสมที่สุดนั้นมิอาจพิจารณาจากตัวเลข อัตราดอกเบี้ย เฉลี่ยเพียงอย่างเดียว เนื่องด้วยโปรโมชันและเงื่อนไขต่างๆ มักขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะบุคคล เช่น ระดับรายได้ ประวัติทางการเงิน คุณสมบัติของหลักประกัน และการเลือกทำผลิตภัณฑ์เสริมพ่วงกับสินเชื่อ ดังนั้น การพิจารณาข้อเสนอจึงต้องมองในภาพรวม ทั้งค่าธรรมเนียมแฝง เงื่อนไขการทำประกันคุ้มครองวงเงิน (MRTA) และความยืดหยุ่นของสัญญา เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่สอดคล้องกับแผนการเงินส่วนบุคคลอย่างแท้จริง ดังนั้น ข้อมูลที่รวบรวมไว้ในบทความนี้จึงควรใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการเปรียบเทียบ เพื่อคัดกรองสถาบันการเงินที่มีแนวโน้มจะมอบข้อเสนอได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ก่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ผู้กู้ควรติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรงเพื่อขอรับข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและครบถ้วนที่สุด ท้ายที่สุดแล้ว การ ตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน ที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไม่เพียงแต่จะช่วย ลดภาระหนี้ ในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตทางการเงินและเป้าหมายในการเป็นเจ้าของบ้านที่สมบูรณ์ของท่านต่อไป

  Lumpsum .


  16 กรกฎาคม 2568

รวมโปรฯ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเดือนกรกฏาคม 2568

หากคุณกำลังผ่อนบ้านมาได้สักพัก และเริ่มรู้สึกว่าค่างวดรายเดือนเริ่มสูงขึ้น อาจถึงเวลาที่ควรพิจารณาเรื่อง ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะหลังจากครบระยะโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำช่วง 3 ปีแรก ธนาคารมักจะปรับขึ้นเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งส่งผลให้ดอกเบี้ยรวมทั้งปีเพิ่มขึ้น เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ล่าสุดจากธนาคารชั้นนำ พร้อมแนวทางเปรียบเทียบข้อเสนอแต่ละแบบ เพื่อช่วยให้คุณวางแผนรีไฟแนนซ์ได้อย่างคุ้มค่า และเหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองที่สุด เปรียบเทียบดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.98% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ พิเศษ! รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์มูลค่า 2,000 บาท สำหรับลูกค้า 20 ท่านแรก ที่สมัครสินเชื่อผ่าน Lumpsum โดยยื่นขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 ก.ค. 68 และจำจดนองเบิกรับเงินกู้ภายใน 31 ส.ค. 68 ㅤㅤ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.90% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย พิเศษ! ผู้กู้สามารถรับอัตราดอกเบี้ยในเรทเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเลือกทำหรือไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) ⠀ ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95%ㅤ ㅤ ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.08% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ ㅤ ธนาคารทหารไทยธนชาต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.09% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ㅤㅤ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.09% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ สูงสุด 3,210 บาท , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก⠀ㅤㅤㅤㅤ⠀ㅤ ㅤㅤㅤ⠀ㅤ⠀ ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95%ㅤ ㅤㅤㅤ ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29% โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ㅤㅤㅤ⠀ ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.10% ㅤㅤ ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.39% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนองสูงสุด 100,000 บาท , ฟรี ประกันอัคคีภัย 3 ปี ㅤㅤ⠀ㅤ⠀ㅤ⠀ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.117% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนอง* , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3ปีแรก เมื่อคงสัญญากับธนาคารอย่างน้อย 5 ปี ㅤ ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.45% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์⠀ ㅤㅤ⠀⠀⠀⠀⠀ *ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 2 กรกฎาคม 2568* ⠀ㅤㅤ⠀⠀ หมายเหตุ : *เป็นออปชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดของแต่ละแบงก์ อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการโดยตรง **กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ***เงื่อนไขและคุณสมบัติเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ของธนาคารนั้นๆ ㅤㅤ⠀ สนใจรีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สมัครได้ที่นี่

  Lumpsum .


  04 กรกฎาคม 2568

เพิ่งเปลี่ยนงานจะรีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม มาทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจ

การรีไฟแนนซ์ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้ให้ดีขึ้น หรือเลือกข้อเสนอที่คุ้มค่าจากธนาคารใหม่ที่ตอบโจทย์มากกว่า และในบางกรณียังสามารถขอวงเงินเพิ่มเพื่อใช้เป็นเงินสำรองหรือชำระหนี้อื่น ๆได้อีกด้วย หากคุณกำลังผ่อนบ้านมาได้สักระยะ การทบทวนและวางแผนรีไฟแนนซ์ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพการเงินระยะยาว แล้วถ้าเพิ่งเปลี่ยนงานสามารถรีไฟแนนซ์ได้ไหม? แม้ว่าคุณจะเปลี่ยนงาน การรีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโดก็ยังเป็นไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการพิจารณารายได้และประวัติการทำงานของคุณ เนื่องจากธนาคารและสถาบันการเงินจะพิจารณาความมั่นคงทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประวัติการทำงานในตำแหน่งใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณสามารถรับผิดชอบการชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ ปัจจัยที่ธนาคารพิจารณาในการรีไฟแนนซ์หลังจากเปลี่ยนงาน 1. ระยะเวลาในการทำงานที่ใหม่ หากคุณเพิ่งเปลี่ยนงานมาหมาดๆ ธนาคารอาจขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานใหม่ของคุณ เช่น ระยะเวลาที่คุณเริ่มทำงานใหม่ รายได้ที่ได้รับ หรือประเภทของงานที่ทำ หากคุณทำงานในตำแหน่งที่มั่นคงและมีรายได้ที่ดี ธนาคารก็จะพิจารณาอนุมัติการรีไฟแนนซ์ได้ง่ายขึ้น 2. รายได้ที่เพียงพอและมั่นคง การมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถตรวจสอบได้เป็นปัจจัยที่สำคัญ หากคุณเปลี่ยนงานและมีรายได้ที่ดีกว่าเดิม ธนาคารจะพิจารณาว่าคุณมีความสามารถในการชำระหนี้ได้หรือไม่ แต่หากคุณเปลี่ยนงานไปทำงานที่มีรายได้น้อยกว่า ธนาคารอาจมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ 3. ประวัติการชำระหนี้ ประวัติการชำระหนี้ของคุณจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาการอนุมัติรีไฟแนนซ์ หากคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่มีปัญหาค้างชำระ ธนาคารจะมั่นใจว่าคุณสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ 4.ประเภทของงานใหม่ หากงานใหม่ที่คุณทำเป็นงานที่มีความมั่นคง เช่น งานราชการหรือบริษัทขนาดใหญ่ ธนาคารจะมองว่าเป็นงานที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม หากคุณทำงานอิสระหรือเปลี่ยนไปทำงานในธุรกิจส่วนตัวที่มีรายได้ไม่คงที่ ธนาคารอาจมองว่ามีความเสี่ยงสูง ข้อดีและข้อเสียของการรีไฟแนนซ์หลังจากเปลี่ยนงาน ข้อดี: 1.ลดภาระดอกเบี้ย – หากธนาคารใหม่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า คุณจะได้ลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว 2.ปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสม – การรีไฟแนนซ์ช่วยให้คุณสามารถปรับระยะเวลาการผ่อนหนี้ให้ยืดหยุ่นขึ้นตามรายได้ใหม่ที่ได้จากงานใหม่ 3.เพิ่มวงเงินกู้ – หากมีรายได้ที่สูงขึ้นจากงานใหม่ การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณได้วงเงินกู้ที่มากขึ้น ข้อเสีย: 1.อาจได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเดิม – หากงานใหม่ของคุณมีความเสี่ยงหรือรายได้ที่ไม่แน่นอน ธนาคารอาจพิจารณาอนุมัติในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 2.กระบวนการพิจารณาซับซ้อนกว่าเดิม – การเปลี่ยนงานอาจทำให้กระบวนการพิจารณาของธนาคารล่าช้า หรือธนาคารอาจขอเอกสารเพิ่มเติม เช่น หนังสือรับรองรายได้ หรือสัญญาจ้างงานใหม่ 3.อาจต้องการเวลาพิจารณานานขึ้น – การพิจารณาจากธนาคารอาจใช้เวลานานขึ้นหากคุณเพิ่งเปลี่ยนงาน เพราะต้องตรวจสอบข้อมูลใหม่ วิธีเตรียมตัวก่อนรีไฟแนนซ์หลังจากเปลี่ยนงาน 1.เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน คุณควรเตรียมเอกสารที่แสดงถึงรายได้จากงานใหม่ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองรายได้ หรือเอกสารที่พิสูจน์ว่าคุณมีรายได้ที่มั่นคงและเพียงพอ 2.เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคาร ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากธนาคารหลายๆ แห่ง เพื่อเลือกเงื่อนไขที่ดีที่สุด 3.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับขั้นตอนการรีไฟแนนซ์หรือข้อเสนอจากธนาคาร ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน สรุป การรีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโดหลังจากการเปลี่ยนงานนั้นสามารถทำได้ แต่คุณต้องมีการเตรียมตัวและพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของรายได้ ความมั่นคงในการทำงาน และประวัติการชำระหนี้ เพื่อให้การรีไฟแนนซ์เป็นไปได้อย่างราบรื่นและได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หากคุณเพิ่งเปลี่ยนงานและกำลังพิจารณารีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโด อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขและข้อเสนอจากหลายธนาคาร รวมถึงการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ

  Lumpsum .


  24 มิถุนายน 2568

เทคนิคสำหรับคนอยากโปะหนี้บ้านให้หมดไว ควรเลือกรีไฟแนนซ์บ้านแบบไหนดี?

สำหรับคนผ่อนบ้านอย่างเราๆ รู้กันดีว่าจะซื้อบ้านกันที ถ้าผ่อนต้องเสียดอกเบี้ยพอๆกับราคาบ้านเลยทีเดียว ซึ่งที่เป็นแบบนั้น เพราะวงเงินกู้ที่สูง ระยะเวลาผ่อนที่นาน และอัตราดอกเบี้ยที่ได้จากธนาคาร แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะสำหรับหลายคนจะให้มานั่งเก็บเงินสดซื้อก็คงไม่ไหว แต่ก็ยังพอมีทางออกอยู่ ที่จะช่วยให้เราสามารถประหยัดดอกเบี้ยก้อนใหญ่นี้ได้ ซึ่งบอกเลยว่าสามารถประหยัดได้เป็นล้านๆ นั่นก็คือ การรีไฟแนนซ์บ้าน และ การโปะค่างวดเพิ่มเข้าไป ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถประหยัดดอกเบี้ยบ้านได้ แต่น่าจะดีกว่า ถ้าเราทำทั้ง 2 วิธีนี้ไปพร้อมๆกัน วันนี้เราเลยอยากเอาเทคนิคการเลือกดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ที่จะทำให้ทั้งการผ่อนบ้าน การโปะค่างวดเพิ่ม เข้าเงินต้นเยอะที่สุด เพื่อให้เงินแต่บาทที่จ่ายเข้าไปคุ้มค่ามากที่สุด ㅤㅤㅤ ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ดอกเบี้ยบ้าน คิดยังไง ดอกเบี้ยบ้านเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก(Effective Rate)ㅤ ตัวอย่างเช่น ยอดกู้บ้านอยู่ที่ 3,000,000 บาท ดอกเบี้ย 4% ระยะเวลาผ่อน 30ปี ㅤㅤ เดือนที่ 1 ค่างวดจะอยู่ที่ประมาณ 14,300 บาท แยกออกเป็น จ่ายเงินต้น 4,400 บาท และจ่ายดอกเบี้ย 9,900 บาท ㅤㅤ เดือนที่ 2 ดอกเบี้ยจะคำนวณจากยอดกู้คงเหลือ ก็คือ 3,000,000 - 4,400 บาท จะเห็นว่า ทุกเดือนเงินต้นจะลดลง ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนก็ลดลงไปด้วย ㅤㅤ นั่นหมายความว่า ตัวแปรสำคัญของดอกเบี้ยบ้าน ก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารให้ ถ้าเงินต้นเยอะดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะเยอะไปด้วย ㅤㅤ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้าน และ การโปะค่างวดเพิ่มเข้าไป ก็จะเข้ามาช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้มากขึ้นนั่นเอง ㅤㅤㅤ การรีไฟแนนซ์บ้านช่วยให้ประหยัดได้ยังไง ปกติแล้วเวลาที่ขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน เรามักจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูก อยู่ช่วง 3 ปีแรกของการผ่อน พอครบกำหนด อัตราดอกเบี้ยจะขยับขึ้นเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) ซึ่งก็จะทำให้ดอกเบี้ยแพงขึ้น เท่ากับว่า เงินที่จ่ายเข้าไป ก็จะยิ่งเข้าเงินต้นน้อย การรีไฟแนนซ์บ้าน จะช่วยให้ดอกเบี้ยบ้านต่ำอยู่เสมอ ㅤㅤ การโปะเงินเพิ่มเข้าไปช่วยให้ประหยัดได้ยังไง จากตัวอย่างข้างบน ค่างวดจะอยู่ที่ประมาณ 14,300 บาท แยกออกเป็น จ่ายเงินต้น 4,400 บาท และจ่ายดอกเบี้ย 9,900 บาท ㅤㅤ ซึ่งในตัวอย่าง เงินที่จ่ายเข้าไป ถูกหักดอกเบี้ยเยอะกว่า เพราะธนาคารจะหักดอกเบี้ยออกจากค่างวดก่อนเลย ส่วนเงินที่เหลือถึงจะไปเข้าเงินต้น ㅤ ดังนั้น ถ้าเรามีโปะเงินเพิ่มเข้าไป เงินส่วนนี้ก็จะไปตัดเงินต้นทั้งหมด เช่น โปะเงินเพิ่ม 3,000 บาท ในเดือนนี้เท่ากับเราจะจ่ายเงินต้นเป็น 4,400 + 3,000 = 7,400 บาท เมื่อเงินต้นลดเยอะขึ้น ก็จะทำให้งวดต่อไปเราเสียดอกเบี้ยลดลงนั่นเอง ㅤㅤ เทคนิคการเลือกดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ที่จะทำให้เงินแต่บาทที่จ่ายเข้าไปคุ้มค่ามากที่สุด คือ การเลือกดอกเบี้ยแบบขั้นบันได หรือดอกเบี้ยต่ำในช่วงปีแรก ㅤㅤ อย่างธนาคารกรุงศรี ก็มีโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษ แบบขั้นบันได ซึ่งดอกเบี้ยปีแรกต่ำสุดเพียง 1.80% เท่านั้น โดยจุดเด่นสำคัญของการคิดดอกเบี้ยแบบขั้นบันได คือ จะช่วยให้ในปีแรกเงินที่จ่ายเข้าต้นได้เยอะขึ้น ㅤㅤ เพราะอย่าลืมนะครับว่า ดอกเบี้ยบ้านเป็นดอกเบี้ยลดต้นลดดอก คำนวณจากเงินต้นคงเหลือ ในช่วงปีแรกๆที่เราเพิ่งกู้ซื้อบ้าน ยอดเงินต้นยังสูงอยู่ ทำให้เราก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะตามไปด้วย ดังนั้น ถ้าปีแรกของการผ่อนและโปะเงินเพิ่ม ยิ่งได้ดอกเบี้ยต่ำ เงินที่จ่ายเข้าไปก็ยิ่งเข้าเงินต้น ㅤㅤ ถ้าลองคำนวณตามตัวอย่างก่อนหน้านี้ ค่างวดที่จ่ายเข้าไป 14,300 บาท จะจ่ายดอกเบี้ยแค่ 4,400 บาท และไปจ่ายเงินต้นได้ถึง 9,900 บาท นี่ขนาดดอกเบี้ยต่ำอย่างเดียวและแน่นอนว่า ยิ่งมีแผนโปะเงินเพิ่มเข้าไป เงินต้นก็จะยิ่งลด ดอกเบี้ยก็ลดลงตามไปด้วย ก็จะทำให้เราประหยัด คุ้มค่ามากขึ้น ㅤㅤ สรุป 1. ดอกเบี้ยบ้านเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก(Effective Rate) ถ้าเงินต้นเยอะ ดอกเบี้ยที่มาเรียกเก็บเราก็จะเยอะตามไปด้วย ㅤㅤ 2. ดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่าย จะน้อยจะมาก ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารให้ ถ้าอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารให้ยิ่งต่ำเท่าไร ยิ่งจ่ายดอกเบี้ยต่อเดือนน้อย ซึ่งถ้าต้องการให้ดอกเบี้ยต่ำเสมอ อย่าลืมรีไฟแนนซ์บ้าน ㅤㅤ 3. การโปะเงินเพิ่มเข้าไปช่วยให้ประหยัดได้มากขึ้น เพราะ ค่างวดที่จ่ายเข้าไปในแต่ละเดือนจะถูกหักดอกเบี้ยก่อน ส่วนที่เหลือถึงจะไปเข้าเงินต้น ถ้าเราโปะเงินเพิ่มเข้าไป เท่ากับว่าเงินที่โปะเพิ่มจะเข้าเงินต้นทั้งหมด และเมื่อเรายิ่งจ่ายเงินต้นได้เยอะ เดือนต่อไปดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะยิ่งลดลง ㅤㅤ 4. ช่วงปีแรกๆ เงินต้นเยอะ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะ การเลือกดอกเบี้ยแบบขั้นบันได อย่างธนาคารกรุงศรีที่ปีแรกให้อัตราดอกเบี้ยเพียง 1.80% ก็จะยิ่งช่วยให้ทั้งค่างวดที่ต้องจ่ายและเงินที่ต้องการโปะเพิ่ม เข้าเงินต้นเพิ่มขึ้น และแน่นอนจะทำให้เงินที่จ่ายในการผ่อนบ้าน ประหยัด และคุ้มค่ามากขึ้น ⠀⠀⠀ เช็กดอกเบี้ยบ้านของคุณวันนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกที่นี่เลย

  เทส ธนสิทธิ์


  13 มิถุนายน 2568

รวมโปรฯ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน มิถุนายน 2568

รวมโปรโมชันดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารชั้นนำ ข้อเสนอดีๆแบบนี้ มีธนาคารไหนเหมาะกับเราบ้าง รายละเอียดตามด้านล่างนี้เลย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.98% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.92% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ สูงสุด 3,210 บาท , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.08%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.09%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29% ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95% ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29%โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ㅤㅤ⠀ ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.10% ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.49%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนองสูงสุด 100,000 บาท , ฟรี ประกันอัคคีภัย 3 ปี ㅤㅤ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.117%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนอง* , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3ปีแรก เมื่อคงสัญญากับธนาคารอย่างน้อย 5 ปี ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.45% ㅤ⠀⠀ ㅤㅤ⠀⠀⠀ *ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 5 มิถุนายน 2568* ㅤㅤ⠀⠀ หมายเหตุ : *เป็นออปชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดของแต่ละแบงก์ อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการโดยตรง **กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว สนใจรีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สมัครได้ที่นี่เลย

  Lumpsum .


  09 มิถุนายน 2568

3 เหตุผลที่คนมีบ้าน ไม่ควรมองข้ามรีไฟแนนซ์ - รีเทนชั่น

คนมีบ้านอย่ามองข้าม "การรีไฟแนนซ์ การรีเทนชั่น"ลองดูเหตุผล 3 ข้อนี้ดูว่าทำไมคนมีบ้านไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ㅤㅤ ข้อที่ 1 ดอกเบี้ยโคตรแพง ผ่อนทีเงินต้นไม่ลด หนี้ไม่ขยับลดลงแม้แต่นิด เงินที่ผ่อนจ่ายไปส่วนใหญ่เข้าดอกเบี้ยหมด แล้วเมื่อไหร่เงินต้นจะหมดㅤㅤ ข้อที่ 2 ดอกเบี้ยที่เสียไป คิดดีๆ ต่อปีเสียเป็นแสน ยิ่งบ้านราคาแพงอาจจะเสียหลายแสน (ตอนยื่นภาษีตกใจทุกที) คิดเล่นๆ เอาดอกเบี้ยที่เสียไปมาหารค่างวดดู นำไปผ่อนบ้านได้หลายเดือนเลย นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ดูแล้วว่าต้องหาวิธีประหยัดดอกเบี้ยให้ได้ให้เร็วที่สุดㅤㅤ ข้อที่ 3 อยากหมดหนี้ไวๆ ไม่อยากทนผ่อนยาวๆ 30-40 ปี หากต้องการหมดภาระไวๆ เพื่อจะได้นำเอาเงินที่ผ่อนบ้านทุกๆเดือนไปทำอย่างอื่น เช่น เก็บออมเพื่อเกษียณ, ลงทุน, ทำธุรกิจ, ท่องเที่ยว, ซื้อความสุข หรืออะไรก็แล้วแต่ ควรต้อง "รีไฟแนนซ์ รีเทนชั่น" ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ไม่อย่างนั้น หนี้บ้านตามหลอกหลอนแน่...ㅤㅤ เจอทั้ง 3 ข้อ นี้ไป คนมีบ้านยังนิ่งเฉยอยู่ได้ไหม? ฝากพิจารณาไว้กันด้วยนะครับ ยิ่งเราหมดภาระไว เงินก็จะเหลือเยอะขึ้น เมื่อโอกาสใหม่เดินเข้ามาจะได้คว้าเอาไว้แบบสบายใจㅤㅤนอกจากนั้น การผ่อนจ่ายเกินค่างวดที่แบงก์กำหนด และโปะเป็นประจำเมื่อมีเงินก้อน ก็จะช่วยให้เงินเข้าไปตัดเงินต้นโดยตรง และช่วยให้ดอกเบี้ยถูกลง เนื่องจากดอกเบี้ยที่นำไปคำนวณคิดจากเงินต้นปัจจุบัน ถ้าเงินต้นลด ดอกเบี้ยก็ถูกลงตามนั่นเอง สนใจรับคำปรึกษารีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สอบถามเข้ามาได้ที่นี่ คลิกเลย หรือ แอด Line

  Lumpsum .


  04 เมษายน 2568

รวมโปรฯ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน เมษายน 2568

รวมโปรโมชันดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารชั้นนำ ข้อเสนอดีๆแบบนี้ มีธนาคารไหนเหมาะกับเราบ้าง รายละเอียดตามด้านล่างนี้เลย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.08%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักประกันㅤㅤ⠀ ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.25%ㅤㅤ⠀ ธนาคารทหารไทยธนชาต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.09%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมิน , ฟรี ประกันอัคคีภัยㅤㅤ⠀ㅤㅤ ⠀ ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.99%โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าจดจำนอง สูงสุด 30,000 บาท (สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.50 ล้านบาท)ㅤㅤ ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.54%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินㅤㅤ⠀ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.92%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ สูงสุด 3,210 บาท , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรกㅤ ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.52%ㅤㅤ⠀ ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29%โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ㅤㅤ⠀ ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.10%โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าจดจำนองㅤㅤ⠀ ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.49%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนองสูงสุด 100,000 บาท , ฟรี ประกันอัคคีภัย 3 ปีㅤㅤ⠀ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.15%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนอง* , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3ปีแรก เมื่อคงสัญญากับธนาคารอย่างน้อย 5 ปีㅤㅤ⠀ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยㅤㅤ⠀⠀ㅤㅤ⠀⠀⠀*ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 1 เมษายน 2568*⠀ㅤㅤㅤㅤ⠀⠀หมายเหตุ :*เป็นออปชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดของแต่ละแบงก์ อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการโดยตรง**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว***เงื่อนไขและคุณสมบัติเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ของธนาคารนั้นๆ

  Lumpsum .


  04 เมษายน 2568

รวมโปรฯ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน มีนาคม 2568

รวมโปรโมชันดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารชั้นนำ ข้อเสนอดีๆแบบนี้ มีธนาคารไหนเหมาะกับเราบ้าง รายละเอียดตามด้านล่างนี้เลย ㅤㅤ⠀ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.15% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน ㅤㅤ⠀ ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.25% ㅤㅤ⠀ ธนาคารทหารไทยธนชาติ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมิน , ฟรี ประกันอัคคีภัย , ฟรี ค่าจดจำนอง ㅤㅤ⠀ ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.99% โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าจดจำนอง สูงสุด 30,000 บาท (สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.50 ล้านบาท) ㅤㅤ ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.58% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน ㅤㅤ⠀ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.99% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินหลักทรัพย์ สูงสุด 3,210 บาท , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ㅤㅤ⠀ ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.52% ㅤㅤ⠀ ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29% โปรโมชั่นพิเศษ ฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ㅤㅤ⠀ ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.10% ㅤㅤ⠀ ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.69% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนองสูงสุด 100,000 บาท , ฟรี ประกันอัคคีภัย 3 ปี ㅤㅤ⠀ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.217% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ฟรี ค่าจดจำนอง* , ฟรี ค่าอากรแสตมป์ , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3ปีแรก เมื่อคงสัญญากับธนาคารอย่างน้อย 5 ปี ㅤㅤ⠀ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรี ค่าประเมิน , ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ㅤㅤ⠀⠀⠀⠀ *ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 2 มีนาคม 2568* ⠀ㅤㅤ⠀⠀ หมายเหตุ : *เป็นออปชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดของแต่ละแบงก์ อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการโดยตรง **กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ***เงื่อนไขและคุณสมบัติเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ของธนาคารนั้นๆ

  Lumpsum .


  05 มีนาคม 2568

ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน กุมภาพันธ์ 2568

รวมโปรโมชันดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านจากทุกๆธนาคาร ข้อเสนอดีๆแบบนี้ มีธนาคารไหนเหมาะกับเราบ้าง รายละเอียดตามด้านล่างนี้เลย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.150%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน⠀ ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.60%โปรโมชั่น รับ Cashback มูลค่าสูงสุด 2,500 บาท⠀ ธนาคารทหารไทยธนชาติ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีประกันอัคคีภัย , ฟรีค่าจดจำนอง⠀ ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.99%โปรโมชั่นพิเศษ ฟรี ค่าจดจำนอง สูงสุด 30,000 บาท (สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.50 ล้านบาท) ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.58%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน⠀ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.007%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก⠀ ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.52%⠀ ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.30%โปรโมชั่นพิเศษ ฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์⠀ ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.10%⠀ ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.69%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ , ค่าจดจำนอง , ค่าประกันอัคคีภัย⠀ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.217%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ค่าจดจำนอง , ค่าอากรแสตมป์ , ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย⠀ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย⠀⠀⠀⠀⠀*ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568* ⠀⠀⠀หมายเหตุ :*เป็นออปชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดของแต่ละแบงก์ อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการโดยตรง**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว***เงื่อนไขและคุณสมบัติเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ของธนาคารนั้นๆ สนใจรับคำปรึกษารีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สอบถามเข้ามาได้ที่นี่ คลิกเลย หรือ แอด Line

  ธนากร นวมรัตน์


  10 กุมภาพันธ์ 2568

โบนัสออก โปะบ้านเลย หรือ รีไฟแนนซ์ก่อน !

ใกล้โบนัสออกกันแล้วใช่ไหม หรือใครโบนัสออกแล้ว คงมีเงินเต็มเป๋ากันแล้วตอนนี้ ⠀ สำหรับท่านที่มีหนี้บ้านอยู่ การนำเงินโบนัสบางส่วน ไปโปะหนี้ ถือเป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะจะเป็นการตัดเงินต้นโดยตรง พอเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยที่เจอ ก็จะลดลงตามไปด้วย ⠀ เช่น ปกติชำระอยู่เดือนละ 15,000 บาท คิดกลม ๆ ว่าปกติก้อนนี้จะเป็นดอกเบี้ย 5,000 บาท เงินต้น 10,000 บาท (ยกตัวอย่างเฉย ๆ นะครับ ปกติในค่างวดดอกเบี้ยมักจะใกล้เคียงกับเงินต้นหรือมากกว่า) ⠀ แต่พอโบนัสออก สมมติว่าหักลบเงินสำรอง, หนี้สินอื่น ๆ และ เงินออมแล้ว เหลือ 100,000 บาท ก็จ่ายค่าบ้านงวดหน้าไปเลย 115,000 บาท จะกลายเป็นว่า ดอกเบี้ยน่ะหักเท่าเดิมตามสัญญาที่ 5,000 บาท ต่อเดือน เท่ากับว่างวดที่เรากำลังจะจ่ายไปลดเงินต้นได้ถึง 110,000 บาท เลยทีเดียว !!! ⠀ ที่นี้ถามว่า หากมีแผนที่จะทำการ "รีไฟแนนซ์" อยู่แล้วเร็ว ๆ นี้ เราควรจะโปะก่อน หรือ รีไฟแนนซ์แล้วค่อยโปะ ? ⠀ จากการหาข้อมูลจากหลายแหล่งที่เชื่อถือได้ให้การตรงกันว่า "โปะก่อน" แจ่มกว่า เนื่องจากการโปะจะไปตัดเงินต้น การที่เงินต้นลดลง จะทำให้ค่าจดจำนองกับที่ใหม่จะลดลงตามไปด้วย เพราะคิดจากยอดหนี้คงเหลือ ⠀ สรุปคือ "โปะก่อน" ค่อย "รีไฟแนนซ์" ดีกว่า เพราะจะช่วยลดค่าจดจำนองกับที่ใหม่ สนใจรับคำปรึกษารีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สอบถามเข้ามาได้ที่นี่ คลิกเลย หรือ แอด Line

  ธนากร นวมรัตน์


  07 มกราคม 2568

Loading...

ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม