ณ ร้านลาบแห่งหนึ่ง
ประหยุด : เซ็งว่ะกู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน...น่าจะติดเครดิตบูโร
ประหวิด : เออ...พอกัน มีคนบอกว่าน่าจะติดแบล็กลิสต์จากเครดิตบูโร
สมขิด : พวกแกเคยเบี้ยวหนี้กันมาสินะ
ประหยุด : อื้ออออออออ
ประหวิด : จ้า...
สมขิด : นั่นไง ! มันก็ต้องติดอยู่แล้ว เพราะข้อมูลมันจะไปขึ้นที่เครดิตบูโร
พวกแบงก์หรือบริษัทสินเชื่อต่าง ๆ มันไปขอดูได้หมดเลย
ประหยุด : รู้ได้ไง ?
สมขิด : พี่เชี่ยวชาญด้านนี้ไม่รู้รึ เรื่องการเงิน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องหนี้ เรื่องลงทุน พี่รู้หมด
อนุทาน : เฮ้ย ! งั้นถามหน่อย เคยเบี้ยวจ่ายเบอร์มือถือมา 2 ค่ายละ
แถมค่าไฟจ่ายช้าจนโดนตัดบ่อยมาก ติดเครดิตบูโรไหมวะ ?
สมขิด : จะเหลือรึ ติดหมด ญาติพี่ย้ายคอนโด
ชิ่งค่าจานดาวเทียม UBC ทุกวันนี้ไม่เห็นกู้อะไรเลย
อนุทาน : ถึงว่า...เมื่อต้นเดือนยื่นทำบัตรเครดิตไปป่านนี้ยังเงียบ สงสัยไม่ผ่านแน่ ๆ
ธรรมนุส : โห เครดิตพังทุกคนเลย
นี่ถ้ามาขายแป้งมันด้วยกันก็ไม่ต้องมีปัญหาละ รายได้ดี เงินสดทั้งนั้น
ประหวิด : แหม...พูดดี ขายแป้งมันอย่างเดียวรึป่าวพ่อคุณ ?
สมขิด : ใช่ ๆ ล่าสัส...เอ้ย ! ล่าสุด เห็นไอ่บ๋อยลูกน้องแก โดนแฉกักตุนหน้ากากหนิ
ประหยุด : เออ...นิสัย ของยิ่งขาดตลาดอยู่
ธรรมนุส : ไอ่บ๋อยไหน ใคร ? ไม่รู้จัก ไม่มี๊ ! อย่าพูดไปเรื่อยเด้อ ฟ้องเด้อ...
ทันใดนั้นมีเพื่อนอีก 2 คนเข้ามาหา
สำลีพี่สุด : เฮ้ยเรื่องไอ่บ๋อยนี้นะโคตรเฟี้ยเลย พอโดนจับได้มันบอก "ไม่รู้ ไม่มี๊ !" เหมือนแกเลย
ธนากร : แถมแม่มหงายการ์ด "รู้เท่าไม่ถึงการณ์", "ของใครไม่รู้", "ถ่ายเล่นอิงกระแส" บลา ๆ ๆ ๆ
สมขิด : เฮ้อ...สังคมเรา เห็นการ์ตูนหน้ากากเสือฮิต
ก็แห่กักตุน โก่งราคา เราว่าต้องมีคนใหญ่คนโตเกี่ยวข้อง แต่คงทำอะไรไม่ได้...
สำลีพี่สุด : พักก่อนเลยสมขิด ! ก่อนจะว่าคนอื่นน่ะ มาเรื่องแกก่อนเลย
สมขิด : อิหยังว่ะ ?
สำลีพี่สุด : ก็เรื่องเครดิตบูโรเมื่อกี้โคตรมั่วเลย
สมขิด : มั่วยังไง ?
สำลีพี่สุด : แกลืมรึว่า "ธนากร" ทำงานอยู่เครดิตบูโร
สมขิด : ใช่รึ ?
ธนากร : สงสัยไม่เจอกันนาน...
สำลีพี่สุด : ก็ลุง "ตั๊กกี้" พ่อมันเป็นผู้บริหารอยู่ที่นั่น
ประหยุด : เออใช่ ลืมไปเลย เฮ้ย "ประหวิด" ตื่น ๆ ผู้รู้ตัวจริงมาแล้ว
ประหวิด : หาววววววววววววววววววววววว
หลังจากนั้นทุกคนก็ตั้งใจฟัง
ธนากร : ผิดทุกข้อเลยแก เริ่มจาก...ไม่มีคำว่า "ติดเครดิตบูโร"
เพราะหน่วยงานนี้่ไม่มีหน้าที่ไปติดตราใคร
เป็นเพียงตัวกลางเก็บข้อมูลระหว่างผู้ให้กู้กับผู้กู้เท่านั้น
วัตถุประสงค์เริ่มต้นคือปกป้องเงินฝากประชาชน
สมขิด : ยังไง ?
ธนากร : ก่อนปี 2540 ดอกเบี้ยมันสูงใช่แมะ คนแห่ฝากเงินกันเยอะ
แบงก์ก็เลยเอาเงินฝากไปปล่อยกู้ต่อเพื่อหากำไร
โดยตอนนั้นไม่มีหน่วยงานนี้ ปล่อยกันเพลินเลยล่ะ
ใครใคร่กู้...มากู้ ไม่มีข้อมูลด้านเครดิตอะไรเลย
พอเกิด "วิกฤติต้มยำกุ้ง" บูมมมม !!! เละสิท่าน...
หนี้เสียบานตะไท กระทบเงินฝากประชาชน
จนต้องเอาภาษีไปเติมให้สถาบันการเงิน
ในชื่อเก๋ ๆ ว่า "กองทุนฟื้นฟูฯ"
ซึ่งก็ไม่พอต้องไปกู้ IMF มาเพิ่ม
IMF จึงสั่งให้ไปตั้งหน่วยงานนี้ขึ้่นมาซะ
เพื่อหลังจากนี้จะได้มีข้อมูลด้านเครดิต
คนปล่อยกู้จะได้คิดหน้าคิดหลังก่อนให้กู้
สมขิด : นั่นง่ะ ! ก็มีมาเพื่อบอกว่ากู้ได้หรือไม่ได้อยู่ดี
สำลีพี่สุด : ยัง ยัง ยังจะเถียงอีก
ธนากร : ไม่ใช่ว้อยยยย
คืองี้ "เครดิตบูโร" มีหน้าที่เก็บข้อมูลเฉย ๆ
ใครไปเป็นหนี้ (ในระบบเท่านั้นนะ)
เช่น แบงก์, บริษัทสินเชื่อ, เช่าซื้อรถ เป็นต้น
เหมือนเป็นตัวกลางเก็บข้อมูล
เหมือน "สมุดพก" ของคนเป็นหนี้อะ
ทีนี้เวลาแกไปทำบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่ออะไรก็ตาม
มันจะมีใบคำร้องให้ยินยอมตรวจสอบข้อมูลเครดิต
ซึ่งแกก็จะเซ็นส่ง ๆ ไปอะเนอะ เพราะอยากได้เงินเขา
ทีนี้แบงก์ก็จะไปขอข้อมูลจาก "เครดิตบูโร"
ถ้าประวัติไม่ดี เขาก็ไม่ให้ผ่าน
คนตัดสินเรื่องนี้คือแบงก์ไม่ใช่ "เครดิตบูโร" โว้ยยยย
สมขิด : งืมมมม อะ...แต่ถ้าเครดิตไม่ดีก็คือติดแบล็กลิสต์ป่ะ ?
ธนากร : ก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะคำนี้ไม่มีจริง คนเอาใช้ผิดกันเอง
คำว่า "แบล็กลิสต์" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
มันใช้กับคนที่ก่อคดีอาชญากรรมค้ามนุษย์
"เครดิตบูโร" ไม่มีหน้าที่ไปติดแบล็กลิสต์ให้ใคร
ข้อมูลเครดิตมีแค่ "ไม่ค้างชำระ" กับ "ค้างชำระ" เท่านั้น
แต่ถ้าแกเครดิตไม่ดี เคยค้างชำระ ใครจะให้กู้วะ
ซึ่งคนให้กู้โน่นเป็นคนตัดสินใจ
อนุทาน : เฮ้ยแล้วแบบนี้ค่าโทรศัพท์กับค่าไฟล่ะ ?
ธนากร : พวกสาธารณูปโภคแกไม่จ่ายก็โดนตัดอยู่แล้วป่ะ
เจ้าหนี้ฟ้องขอเงินคืนก็ฟ้องกันไป
แต่ไม่มีข้อมูลใน "เครดิตบูโร"
ประหยุด : อ้าวแล้วใครอยู่ในระบบ "เครดิตบูโร” บ้างล่ะ ?
ธนากร : หลัก ๆ ก็ หนี้บ้าน, รถยนต์-มอเตอร์ไซด์, บัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคล และ สินเชื่อเกษตร
ตอนนี้พิจารณา กยศ. กับ สหกรณ์ออมทรัพย์ อยู่
สำลีพี่สุด : เห้ย ! ประหวิด ตื่น ๆ ได้ฟังมั่งป่ะเนี่ยะ
ประหวิด : หาวววววววว
ธนากร : อีกอย่างนะ ข้อมูลเครดิตดูได้แค่ 2 คนนะ
คือเรา กับ ผู้ให้กู้เท่านั้น ไม่ใช่เปิดเผยมั่วซั่วให้ใครดูก็ได้
เมียยังขอดูไม่ได้เลยแก ถ้าไม่ใช่ผู้กู้
เพราะข้อมูลทางการเงินมีค่าเท่ากับข้อมูลด้านสุขภาพ
มีกฎหมายคุ้มครอง ไปมั่วขอดูหรือเผยแพร่ คุกนะเว้ยยย
เพราะฉะนั้นเวลาจะกู้จึงมีใบขอเปิดเผยข้อมูลเครดิตไงเล่า
แต่ก็นะ อยากได้เงินเขา เลยไม่ค่อยอ่านกันหรอกตอนแรกน่ะ
ประหวิด : เฮ้ย ๆ แต่เราเคลียร์หนี้เก่าไปหมดแล้วนะ มันต้องล้างข้อมูลสิ
สำลีพี่สุด : ตื่นสักทีสินะ !
ธนากร : ข้อมูลเครดิตจะยังอยู่ในระบบไปอีก 36 เดือนนับจากวันเคลียร์เสร็จ
ประหวิด : โห แย่เลย นานจังตั้ง 3 ปี
ธนากร : นั่นแหล่ะมันสะท้อนวินัยทางการเงิน
แบงก์จะได้ไม่ปล่อยสินเชื่อเผละผละเหมือนตอน "ต้มยำกุ้งไง"
ประหวิด : เฮ้ย ๆ แต่เราเคลียร์เกิน 3 ปีแล้วนะ
ธนากร : กู้แบงก์ไหน
ประหวิด : แบงก์เดิมที่เคยมีบัตรเครดิต
ธนากร : อ่อ ข้อมูลมันหายจากระบบ "เครดิตบูโร"
แต่กับแบงก์ที่เราเคยผิดชำระน่าจะยังอยู่
แล้วแต่นโยบายการเก็บข้อมูลของแบงก์
ก็ไปกู้แบงก์อื่นสิ อันนี้เขาจะไม่รู้ละ
เพราะจะไม่มีข้อมูลใน "เครดิตบูโร" หลังพ้น 36 เดือน
ธรรมนุส : ถามเพิ่มหน่อยจิ แล้วถ้าเคยค้ำประกัน
แต่คนกู้เบี้ยวเราจะติดเครดิตบูโรไหม
สำลีพี่สุด : อะ...ไอ่นี่ ยังอยู่หรอ ?
ธนากร : ข้อมูลเครดิตจะมีเพียงผู้กู้และผู้ให้กู้เท่านั้น
คนค้ำประกันไม่เกี่ยว ไม่นับ เว้นแต่จะเป็นคนกู้ร่วม
ธรรมนุส : อ๋ออออออ
สำลีพี่สุด : ชัดนะทุกคน
ประหวิด : หาวววววว เฮ้ยจะเช้าแล้วกลับกันเถอะ
สมขิด : เออใช่ ไปเถอะ
ธนากร : วันหลังอย่ามโนอีกนะ "สมขิด"
อนุทาน : จริง แกนี่ชอบมโน
สมขิด : แหะ ๆ
ประหวิด : ไป ๆ ต้องไปเคลียร์เรื่องหน้ากากให้ไอ่ "ธรรมนุส" ก่อน
สำลีพี่สุด : อ้าว เมิงเกี่ยวด้วยรึ ?
หลังจากนั้น ประหยุด, ประหวิด และ ธรรมนุส
พร้อมใจกันวิ่งขึ้นแทกซี่
ปล่อยให้ประชากรที่เหลือ
รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่าง งง งง ................
THE END
