
สำหรับคนที่มีรายได้ประจำอย่างเดียว
• เงินเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องยื่นภาษี
• เงินเดือนไม่เกิน 26,583 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
• เงินเดือนเกิน 26,583 บาทเป็นต้นไป จะต้องยื่นภาษีและเสียภาษี
นอกจากการซื้อประกัน มาตรการจากภาครัฐ เช่น ช้อปดีมีคืน เป็นต้น เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การลงทุนในกองทุนรวม SSF/RMF ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
กองทุนรวม SSF/RMF เป็นกองทุนรวมที่มีผลประโยชน์ทางอ้อม คือ “สิทธิลดหย่อนภาษี” ซึ่งเป็นผลประโยชน์เพิ่มเติมที่ต่างออกไปจากกองทุนรวมทั่วไป แม้จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีที่เป็นผลประโยชน์เพิ่มเติม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขบางอย่าง โดยเฉพาะเงื่อนไขการถือครองที่ค่อนข้างนาน (อย่างน้อย 5 ปี ในการลงทุน RMF สำหรับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป และอย่างน้อย 10 ปี ในการลงทุน SSF)
สอดคล้องกับ Warren Buffett ที่ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจไว้ว่า “ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่สามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว” และสิ่งที่เป็นศัตรูของนักลงทุนมากที่สุดก็คือ “ค่าใช้จ่าย” และ “อารมณ์”
ดังนั้น ระยะเวลาการถือครองเป็นเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับแผนการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF เพราะหากไม่วางแผนให้ดี ก็อาจเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษี แถมยังอาจขาดทุนจากการตัดสินใจลงทุนผิดจังหวะอีกด้วย

การจัดพอร์กองทุน SSF/RMF
จากเงื่อนไขการลงทุน SSF/RMF จะเห็นว่าต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี (ในการลงทุน RMF สำหรับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป) และอย่างน้อย 10 ปี (ในการลงทุน SSF) นั่นหมายความว่าเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งแทบจะไม่มีใครสามารถเอาชนะตลาดได้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนระยะยาวถูกพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากพอที่จะสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน เห็นได้จากงานวิจัยที่พบว่า “การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน” เป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ด้วยสัดส่วนสูงถึง 91.5% ขณะที่การคัดเลือกสินทรัพย์ลงทุน และการจับจังหวะตลาด ช่วยสร้างผลตอบแทนสูงเป็นครั้งคราวในระยะสั้น แต่ในระยะยาวไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น เราสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการจัดพอร์ตของผู้จัดการกองทุนที่เรียกว่า Core-Satellite Portfolio โดยเน้นการลงทุนในส่วน Core Portfolio เป็นหลัก อาจจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 80-90% หรือลงทุนทั้งหมดใน Core Portfolio ก็ได้
ส่วน Core Portfolio เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ที่แทบจะไม่มีใครสามารถเอาชนะตลาดได้ จึงควรเน้นกองทุนแบบ Passive Fund หรือ Index Fund ที่พยายามให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ให้ได้มากที่สุด
แต่ถ้าใครชอบความหวือหวา เห็นโอกาสในการลงทุนในกองทุนแบบ Active Fund หรือเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรง เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นกลุ่ม EV หุ้นกลุ่ม Semiconductor เป็นต้น ก็สามารถลงทุนได้เช่นกัน ในส่วน Satellite Portfolio เพียงแต่ต้องพิจารณาให้ดีว่าเทรนด์นั้นมายาวจริงหรือไม่ เพราะการลงทุนกองทุน SSF/RMF เป็นการลงทุนระยะยาว (อย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป สำหรับกองทุน RMF และอย่างน้อย 10 ปี สำหรับกองทุน SSF)

5 กองทุนเด่น SSF/RMF สำหรับ Core Portfolio ให้คุณพิชิตเป้าหมายการลงทุน
กองทุน SSF : SCBS&P500-SSF และ SCBS&P500(SSFA)
กองทุน RMF : SCBRMS&P500
3 กองทุนนี้ ลงทุนหุ้นใหญ่สหรัฐฯ ตามดัชนี S&P500 ดัชนีที่มีมูลค่ามากที่สุดของสหรัฐ
• ดัชนีสำคัญที่สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของโลก ครอบคลุม 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และมีสภาพคล่องสูง
• ดัชนี S&P500 ประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จำนวน 500 บริษัท
• ตัวอย่างบริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เช่น Apple, Amazon, Alphabet, NVIDIA และ UnitedHealth เป็นต้น
• มีสัดส่วนการลงทุนที่กระจายตัวในบริษัทชั้นนำจำนวนมาก และหลากหลายอุตสาหกรรม
กองทุน SSF : SCBASHARES(SSF)
กองทุน RMF : SCBRMASHARES
2 กองทุนนี้ ลงทุนหุ้นจีน A-Shares ดินแดนแห่งอนาคตกับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และพร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก
• จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งนักวิเคราะห์หลายแห่งเชื่อว่าจะแซงขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ใน 10-20 ปีข้างหน้า
• คัดเลือกหลักทรัพยรายตัวที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนในอนาคต
• มีพอร์ตการลงทุนแบบ High conviction ที่เป็น best idea 40 – 70 บริษัท
• สามารถสร้างผลตอบแทนเทียบกับความความเสี่ยง (risk-adjusted return) และบริหาร Drawdown ได้ดีอย่างสม่ำเสมอ
• บริหารโดยทีมบริหารกองทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนในประเทศจีนอย่างยาวนานกว่า 25 ปี
พิเศษ! รับ Fund Back* สูงสุด 1,000 บาท เมื่อลงทุน SSF/RMF กับ SCBAM ตั้งแต่ 1 ก.ย. 66 – 28 ธ.ค. 66 (ยกเว้นกองทุนตราสารหนี้ และ SSF e-class)
*Fund Back เป็นหน่วยลงทุน SCBSFF

4 กองทุนเด่น SSF/RMF สำหรับ Satellite Portfolio เสริมแรง แซงทุกโค้ง เพื่อพิชิตเป้าหมาย
กองทุน SSF : SCBNDQ(SSF)
กองทุน RMF : SCBRMNDQ
2 กองทุนนี้ ลงทุนหุ้น Big Tech สหรัฐฯ ตามดัชนี Nasdaq-100 ดัชนีมาแรงของสหรัฐที่อัดแน่นด้วยหุ้นเทคโนโลยี ที่พร้อมเติบโต
• รวบรวมหุ้นที่มีนวัตกรรม และการคิดค้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตสูง
• ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำที่ชื่อเสียงและมีผู้ใช้งานทั่วโลก เช่น Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet, Meta และ Tesla เป็นต้น
• มีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีและเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สูงกว่าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อื่น ๆ
กองทุน SSF : SCBSEMI(SSF)
ลงทุนธีม Semiconductor หัวใจขับเคลื่อนโลกดิจิทัล รับการเติบโตของเทรนด์ดิจิทัล และนวัตกรรมทั่วโลก
• โอกาสการลงทุนในธีมที่มีศักยภาพสูง และมีโอกาสเติบโตในระยะยาว จากคาดการณ์ความต้องการ Semiconductor โลกขยายตัวปีละ 7-10% ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
• อุตสาหกรรม Semiconductor เป็น strategic sector ที่สำคัญ และเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของภาครัฐทั่วโลก
• ปัจจัยบวกจากคาดการณ์การเติบโตของกำไร (Profit Growth) ของหุ้นรายตัวใน Top Holdings มีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า (ที่มา : Bloomberg as of 15 Aug 2023)
• เน้นลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิต Semiconductor ทั่วโลกจำนวน 25 บริษัท (Pure play) เช่น NVIDIA, BROADCOM, QUALCOM, TSMC เป็นต้น
SCBEV(SSF)
ลงทุนธีม ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมเติบโตระยะยาว จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐทั่วโลก
• คาดการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจโลกในระยะยาวมากกว่า 10 ปีข้างหน้า
• กระจายการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องธีมรถยนต์ไฟฟ้า (EV theme) ที่ครบวงจรทั่วโลก เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทผลิตแบตเตอรี่ สเตชั่นชาร์จ บริษัทเหมืองแร่ กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น
• มีสัดส่วนการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 1 ใน 3 ของพอร์ต ที่เหลือกระจายการลงทุนในประเทศผู้นำตลาดรถยนต์และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เป็นต้น
• พอร์ตการลงทุนประกอบไปด้วยหุ้นประมาณ 70-80 บริษัท โดยมีหุ้นที่มีคาดการณ์การเติบโตของกำไร (Profit Growth) เติบโตได้ดีในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า เช่น TESLA, CATL, NIDEC และ BYD เป็นตัน (ที่มา : Bloomberg as of 15 Aug 2023)
พิเศษ! รับ Fund Back* สูงสุด 1,000 บาท เมื่อลงทุน SSF/RMF กับ SCBAM ตั้งแต่ 1 ก.ย. 66 – 28 ธ.ค. 66 (ยกเว้นกองทุนตราสารหนี้ และ SSF e-class)
*Fund Back เป็นหน่วยลงทุน SCBSFF
ดูข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวม SSF / RMF ทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่นี่
กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน สอบถามเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777 www.scbam.com
