เฮ้ยคุณ ! ผมเพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีวิธีแก้หนี้ผิดวิธีมาตั้งนานว่ะ...
และเชื่อว่าส่วนใหญ่ก็คงแก้หนี้ผิดวิธีเหมือนกันคือ...
"ก้มหน้าก้มตาหาเงินมาใช้หนี้ให้มากที่สุดเพื่อให้หมดเร็วที่สุด"
ยอม "อดมื้อกินสองมื้อ" ยอม "ทำงานหนักจนไม่มีเวลานอน"
แต่จริง ๆ แล้ว เราไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ !
ที่สำคัญเราสามารถแก้หนี้ไปพร้อมกับสร้างความมั่งคั่งได้นะจ๊ะ !
*** คำเตือน : วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยยุติธรรมต่อเจ้าหนี้นะ
แต่อยากบอกไว้เป็นความรู้แก่ลูกหนี้เฉย ๆ อย่าว่าเค้านะ ^^
ยังไงซิ ?
ใจความสำคัญของเรื่องนี้คือ "เราต้องมีกินมีใช้ก่อน"
ประมาณว่า "เมื่อนอนเต็ม ท้องอิ่ม งานศิลป์ก็เกิด" เพราะสมองมันได้ทำงานเต็มที่
แต่ปกติคนเป็นหนี้จะเครียด เพราะมัวแต่คิดวิธีหาเงิน อดกินอดนอน
ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ "ผิด" (เว้นแต่จะชอบทำแบบนี้ก็แล้วแต่นะ ^^)
"เงินสำรองสำหรับกินและใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต้องไม่ขาดมือ"
ที่เหลือค่อยคิดเอาไปใช้คืน "หนี้"
"อ่าว แล้วถ้าที่เหลือมันไม่พอชำระหนี้ล่ะ ?"
ม่ะ ! ... ผมจะเล่าให้อ่านกัน

จากการศึกษาหาความรู้กับกูรูด้านบริหารการเงินส่วนบุคคลทั้งคนไทยและฝรั่ง
แล้วพบข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า...
ปัญหาที่แท้จริงของ "มนุษย์แบกหนี้" ไม่ใช่ "มูลหนี้"
แต่เป็น "สภาพคล่องในชีวิตประจำวัน" มากกว่า
เช่น "นายไม่รู้ ผู้ชอบยืมนาฬิกา" มีหนี้ที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน 30,000 บาท
แต่เขามีรายได้ต่อเดือน 35,000 บาท
พอเงินเดือนออกเขารีบเอาเงินไปจ่ายหนี้ทั้งหมด
เหลือเงินแค่ 5,000 บาท หรือราว 15% ของรายได้
คุณคิดว่าเขาจะกินอยู่ใช้จ่ายอย่างไรให้พอใน 1 เดือน
นั่นแหล่ะปัญหา พอเงินเหลือน้อย ก็ต้องเขียม ต้องจำกัดจำเขี่ย
ต้องคิดว่าจะบริหารเงินก้อนนี้ยังไงให้ใช้พอจนครบเดือน
หมดกัน สติ สมาธิ สมอง สำหรับการคิดหารายได้ใหม่
วิธีแก้หนี้ที่ถูกต้องของกูรูทางการเงินแนะนำว่า...
แต่ละเดือนเราควรจ่ายหนี้ไม่เกิน 50% ของรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายจำเป็น
และค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่ควรต่ำกว่า 60% ของรายได้
"งง" ไหม ?
ไม่ต้อง "งง" อ่านต่อ...
จำได้ไหมทุกตำราสอนไว้ว่า "อย่าสร้างหนี้เกิน 40% ของรายได้"
ถ้าจำได้ก็คงจะเข้าใจ แต่เพราะไม่ใส่ใจไง เลยเป็นหนี้ท่วมแบบนี้
ช่างมันเนอะ...แล้วก็แล้วกันไป...มาหาทางออกกันดีกว่า
ย้อนกลับไปที่ค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่ควรต่ำกว่า 60% ของรายได้
เพื่อการกินอยู่ที่ดี มีคุณภาพชีวิตเหมาะสม มีสติและพลังงานในการทำงานและดำรงชีวิต
แต่หลายคนชอบเวอร์ง่ะ...เลินเล่อ เกินตัว สร้างหนี้จนบานปลาย ผมก็เป็น แม่ม ! รู้งี้นะ...
อุ๊ยลืม...พอ ๆ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า หยอก ๆ ^^
ย้อนกันอีกทีนะ ยกเอากรณี "นายไม่รู้ ผู้ชอบยืมนาฬิกา" แล้วกัน
เขามีรายได้ 35,000 บาท/เดือน ซึ่ง 60% สำหรับใช้จ่ายก็คือ 21,000 บาท
และเขามีกำลังเหมาะสมสร้างหนี้เพียง 14,000 บาท/เดือน หรือ 40%
แต่ดันไถไปถึง 30,000 บาท/เดือน คิดเป็นประมาณ 85%
อะ...ทำไปแล้วนี่นา ก็ช่างมัน
วิธีแก้หนี้ที่ถูกต้องของ "นายไม่รู้ ผู้ชอบยืมนาฬิกา" คือ...
รายได้ 35,000 บาท ก็ควรเก็บไว้ใช้จ่าย 21,000 บาท หรือ 60% ตามเดิม
แล้วเงินที่เหลือ 14,000 บาทนั่นแหล่ะควรเอาไปใช้หนี้
และใช้หนี้แค่ 7,000 บาทต่อเดือน หรือ 50% ของรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายฯ
ที่เหลือเอาไปเก็บออม-ลงทุน !!!
โดยห้ามสร้างหนี้ใหม่เพิ่ม !!!
โอเค ตอนนี้ภาระหนี้ต่อเดือนมันคือ 30,000 บาท
แล้วจะทำอย่างไรให้เหลือ 7,000 บาท
ง่ายมาก...ตัดภาระออกไป
1. บ้าน ถ้ามันแบกภาระผ่อน ขายก่อนไหม เช่าอยู่เอาก็ได้
อย่างน้อยค่าเช่าจะถูกกว่า
อย่างน้อยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
อย่างน้อยอาจจะได้กำไรส่วนต่างราคาขายมาเป็นเงินสำรอง
ลืมมโนคติที่ว่า "เอาค่าเช่าไปผ่อนบ้านไม่ดีกว่าหรือ" ไปเลย
เพราะมันคนละเรื่องกันเลย (ผมก็ไม่น่าไปเชื่อเลย)
บ้านถ้าไม่พร้อมอย่าเพิ่งซื้อ เพราะมันคือภาระหนัก
2. รถยนต์ ถ้าไม่ได้ขับรับส่งผู้โดยสารหรือขนส่งใด ๆ ขายโลด
รถสาธารณะมีให้เลือกใช้เยอะแยะ ยิ่งปัจจุบัน ยิ่งสะดวก
อาจจะไม่สบายเท่ามีรถเป็นของตัวเอง
แต่แลกกับภาระทางการเงินยังไงก็คุ้ม
รถเราต้องเสียค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าที่จอด ค่าบำรุงรักษา
และนับวันมูลค่ามันจะลดลงไปเรื่อย ๆ
หากตัด 2 สิ่งข้างต้นออกไปได้นะ
จาก 30,000 บาท อาจจะเหลือไม่ถึง 7,000 บาท ก็ได้
หรือ..........
หากหนี้ 30,000 บาทดังกล่าว
เป็นบัตรเครดิตกับสินเชื่อบุคคลล้วน ๆ
ต้องไปเจรจา บอกไปเลยว่ามีกำลังจ่ายเท่านี้
มิเช่นนั้นอาจจะต้องเบี้ยวนะ พี่จะเอาน้อยหรือไม่เอาเลย หึหึ
แต่ต้องเจรจาก่อน คุยให้ถึงที่สุด ให้พยายามเหมือนตอนไปขอกู้นั่นแหล่ะ
เชื่อสิ สุดท้ายเจ้าหนี้จะยอม...ถ้าไม่ยอมก็นะ (ไม่พูดละกันเนอะ)
ระหว่างนี้คุณจะได้สภาพคล่องกลับคืนมา
(อย่าทะลึ่งบ้องไปสร้างหนี้ใหม่ล่ะ !)
พอการกินอยู่กลับสู่ภาวะปกติ
สมองก็เริ่มทำงานเต็มที่
ให้มองหาช่องทางหารายได้เพิ่ม
แบ่งเงินออมอย่างมีวินัย
และศึกษาหาวิธีลงทุนเพิ่มผลตอบแทน
เชื่อแมะพอจ่ายหนี้หมด (น่าจะใช้เวลาพอสมควร)
ดอกผลจากการออม-ลงทุนจะงอกเงยพอดี
ระหว่างนั้นคุณภาพชีวิตของคุณก็ไม่ได้แย่ลง
(ต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มระหว่างทางนะ...)
สมมติว่าหนี้ทั้งหมดต้องใช้เวลาแก้ 2 ปี
หากคุณเก็บออมเดือนละ 7,000 บาท เท่ากับใช้หนี้
โดยใช้วิธีออมแบบฝากเงินธนาคารปกติ
เมื่อหนี้หมดจะมีเงิน 7,000 x 24 = 168,000 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย
(อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ล่าสุด 0.25% ต่อปี)
หรือนำ 7,000 บาท ไปลงทุนสินทรัพย์อื่น เช่น กองทุน, หุ้น และทองคำ
ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากกว่า แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบนะ
ขณะเดียวกันเงินใช้จ่าย 21,000 บาท หรือ 60% ของรายได้
คุณสามารถแบ่งออกมาออม-ลงทุน เพิ่มเติมได้อีก
ซึ่งจะทำให้ยอดเงินเก็บของคุณเพิ่มไปอีก
พอหมดหนี้ ก็มีเงินก้อน มีสภาพคล่องเพิ่ม
นำไปลงทุนหาผลตอบแทนเพิ่มเติม
ผลตอบแทนจะทบเงินต้นไปเรื่อย ๆ
ความมั่งคั่งของท่านก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เชื่อมะ หากทำตามที่ว่ามาทั้งหมด (ไม่สร้างหนี้ใหม่ + มีวินัยออมเงิน)
พฤติกรรมการใช้จ่ายของท่านจะเปลี่ยนไปอัตโนมัติ
ซึ่งมันนำไปสู่อิสระภาพทางการเงินในที่สุด
ตัวผมเองยังพูดไม่ได้นะว่ามีอิสระภาพการเงิน
เพราะเพิ่งเริ่มใช้วิธีนี้ได้แค่ปีกว่าเอง
แต่เห็นผลใช้ได้เลย ลองซะ แล้วจะติดใจ
คิดดูว่าโควิด-19 ทำอะไรผมไม่ได้
ทั้งที่งานเสริมของผม (เล่นดนตรี) หายไปเลย
แต่จำไว้ อย่าสร้างหนี้ใหม่เพิ่ม
///////////////
หากคุณต้องการรวมหนี้ เพื่อแก้หนี้
สามารถยื่นสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการแก้หนี้ได้ที่นี่ >> สมัคร คลิก