ไม่มีรายการ

วิธีแก้หนี้แบบคูล ๆ สู่อิสรภาพทางการเงิน

วิธีแก้หนี้แบบคูล ๆ สู่อิสรภาพทางการเงิน

17 กรกฎาคม 2563


เฮ้ยคุณ ! ผมเพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีวิธีแก้หนี้ผิดวิธีมาตั้งนานว่ะ...

และเชื่อว่าส่วนใหญ่ก็คงแก้หนี้ผิดวิธีเหมือนกันคือ...

"ก้มหน้าก้มตาหาเงินมาใช้หนี้ให้มากที่สุดเพื่อให้หมดเร็วที่สุด"

ยอม "อดมื้อกินสองมื้อ" ยอม "ทำงานหนักจนไม่มีเวลานอน"

แต่จริง ๆ แล้ว เราไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ !

 

ที่สำคัญเราสามารถแก้หนี้ไปพร้อมกับสร้างความมั่งคั่งได้นะจ๊ะ !

 

*** คำเตือน : วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยยุติธรรมต่อเจ้าหนี้นะ

แต่อยากบอกไว้เป็นความรู้แก่ลูกหนี้เฉย ๆ อย่าว่าเค้านะ ^^

 

ยังไงซิ ?

ใจความสำคัญของเรื่องนี้คือ "เราต้องมีกินมีใช้ก่อน"

ประมาณว่า "เมื่อนอนเต็ม ท้องอิ่ม งานศิลป์ก็เกิด" เพราะสมองมันได้ทำงานเต็มที่

แต่ปกติคนเป็นหนี้จะเครียด เพราะมัวแต่คิดวิธีหาเงิน อดกินอดนอน

ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ "ผิด" (เว้นแต่จะชอบทำแบบนี้ก็แล้วแต่นะ ^^)

"เงินสำรองสำหรับกินและใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต้องไม่ขาดมือ"

ที่เหลือค่อยคิดเอาไปใช้คืน "หนี้"

"อ่าว แล้วถ้าที่เหลือมันไม่พอชำระหนี้ล่ะ ?"

ม่ะ ! ... ผมจะเล่าให้อ่านกัน

 

 

จากการศึกษาหาความรู้กับกูรูด้านบริหารการเงินส่วนบุคคลทั้งคนไทยและฝรั่ง

แล้วพบข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า...

ปัญหาที่แท้จริงของ "มนุษย์แบกหนี้" ไม่ใช่ "มูลหนี้"

แต่เป็น "สภาพคล่องในชีวิตประจำวัน" มากกว่า

เช่น "นายไม่รู้ ผู้ชอบยืมนาฬิกา" มีหนี้ที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน 30,000 บาท

แต่เขามีรายได้ต่อเดือน 35,000 บาท

พอเงินเดือนออกเขารีบเอาเงินไปจ่ายหนี้ทั้งหมด

เหลือเงินแค่ 5,000 บาท หรือราว 15% ของรายได้

คุณคิดว่าเขาจะกินอยู่ใช้จ่ายอย่างไรให้พอใน 1 เดือน

นั่นแหล่ะปัญหา พอเงินเหลือน้อย ก็ต้องเขียม ต้องจำกัดจำเขี่ย

ต้องคิดว่าจะบริหารเงินก้อนนี้ยังไงให้ใช้พอจนครบเดือน

หมดกัน สติ สมาธิ สมอง สำหรับการคิดหารายได้ใหม่

 

วิธีแก้หนี้ที่ถูกต้องของกูรูทางการเงินแนะนำว่า...

แต่ละเดือนเราควรจ่ายหนี้ไม่เกิน 50% ของรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายจำเป็น

และค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่ควรต่ำกว่า 60% ของรายได้

"งง" ไหม ?

ไม่ต้อง "งง" อ่านต่อ...

 

จำได้ไหมทุกตำราสอนไว้ว่า "อย่าสร้างหนี้เกิน 40% ของรายได้"

ถ้าจำได้ก็คงจะเข้าใจ แต่เพราะไม่ใส่ใจไง เลยเป็นหนี้ท่วมแบบนี้

ช่างมันเนอะ...แล้วก็แล้วกันไป...มาหาทางออกกันดีกว่า

ย้อนกลับไปที่ค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่ควรต่ำกว่า 60% ของรายได้

เพื่อการกินอยู่ที่ดี มีคุณภาพชีวิตเหมาะสม มีสติและพลังงานในการทำงานและดำรงชีวิต

แต่หลายคนชอบเวอร์ง่ะ...เลินเล่อ เกินตัว สร้างหนี้จนบานปลาย ผมก็เป็น แม่ม ! รู้งี้นะ...

อุ๊ยลืม...พอ ๆ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า หยอก ๆ ^^

ย้อนกันอีกทีนะ ยกเอากรณี "นายไม่รู้ ผู้ชอบยืมนาฬิกา" แล้วกัน

เขามีรายได้ 35,000 บาท/เดือน ซึ่ง 60% สำหรับใช้จ่ายก็คือ 21,000 บาท

และเขามีกำลังเหมาะสมสร้างหนี้เพียง 14,000 บาท/เดือน หรือ 40%

แต่ดันไถไปถึง 30,000 บาท/เดือน คิดเป็นประมาณ 85%

อะ...ทำไปแล้วนี่นา ก็ช่างมัน

 

วิธีแก้หนี้ที่ถูกต้องของ "นายไม่รู้ ผู้ชอบยืมนาฬิกา" คือ...

รายได้ 35,000 บาท ก็ควรเก็บไว้ใช้จ่าย 21,000 บาท หรือ 60% ตามเดิม

แล้วเงินที่เหลือ 14,000 บาทนั่นแหล่ะควรเอาไปใช้หนี้

และใช้หนี้แค่ 7,000 บาทต่อเดือน หรือ 50% ของรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายฯ

ที่เหลือเอาไปเก็บออม-ลงทุน !!!

โดยห้ามสร้างหนี้ใหม่เพิ่ม !!!

 

โอเค ตอนนี้ภาระหนี้ต่อเดือนมันคือ 30,000 บาท

แล้วจะทำอย่างไรให้เหลือ 7,000 บาท

ง่ายมาก...ตัดภาระออกไป

 

1. บ้าน ถ้ามันแบกภาระผ่อน ขายก่อนไหม เช่าอยู่เอาก็ได้

อย่างน้อยค่าเช่าจะถูกกว่า

อย่างน้อยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

อย่างน้อยอาจจะได้กำไรส่วนต่างราคาขายมาเป็นเงินสำรอง

ลืมมโนคติที่ว่า "เอาค่าเช่าไปผ่อนบ้านไม่ดีกว่าหรือ" ไปเลย

เพราะมันคนละเรื่องกันเลย (ผมก็ไม่น่าไปเชื่อเลย)

บ้านถ้าไม่พร้อมอย่าเพิ่งซื้อ เพราะมันคือภาระหนัก

 

2. รถยนต์ ถ้าไม่ได้ขับรับส่งผู้โดยสารหรือขนส่งใด ๆ ขายโลด

รถสาธารณะมีให้เลือกใช้เยอะแยะ ยิ่งปัจจุบัน ยิ่งสะดวก

อาจจะไม่สบายเท่ามีรถเป็นของตัวเอง

แต่แลกกับภาระทางการเงินยังไงก็คุ้ม

รถเราต้องเสียค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าที่จอด ค่าบำรุงรักษา

และนับวันมูลค่ามันจะลดลงไปเรื่อย ๆ

 

หากตัด 2 สิ่งข้างต้นออกไปได้นะ

จาก 30,000 บาท อาจจะเหลือไม่ถึง 7,000 บาท ก็ได้

 

หรือ..........

หากหนี้ 30,000 บาทดังกล่าว

เป็นบัตรเครดิตกับสินเชื่อบุคคลล้วน ๆ

 

ต้องไปเจรจา บอกไปเลยว่ามีกำลังจ่ายเท่านี้

มิเช่นนั้นอาจจะต้องเบี้ยวนะ พี่จะเอาน้อยหรือไม่เอาเลย หึหึ

แต่ต้องเจรจาก่อน คุยให้ถึงที่สุด ให้พยายามเหมือนตอนไปขอกู้นั่นแหล่ะ

เชื่อสิ สุดท้ายเจ้าหนี้จะยอม...ถ้าไม่ยอมก็นะ (ไม่พูดละกันเนอะ)

 

ระหว่างนี้คุณจะได้สภาพคล่องกลับคืนมา

(อย่าทะลึ่งบ้องไปสร้างหนี้ใหม่ล่ะ !)

พอการกินอยู่กลับสู่ภาวะปกติ

สมองก็เริ่มทำงานเต็มที่

ให้มองหาช่องทางหารายได้เพิ่ม

แบ่งเงินออมอย่างมีวินัย

และศึกษาหาวิธีลงทุนเพิ่มผลตอบแทน

 

เชื่อแมะพอจ่ายหนี้หมด (น่าจะใช้เวลาพอสมควร)

ดอกผลจากการออม-ลงทุนจะงอกเงยพอดี

ระหว่างนั้นคุณภาพชีวิตของคุณก็ไม่ได้แย่ลง

(ต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มระหว่างทางนะ...)

 

สมมติว่าหนี้ทั้งหมดต้องใช้เวลาแก้ 2 ปี

หากคุณเก็บออมเดือนละ 7,000 บาท เท่ากับใช้หนี้

โดยใช้วิธีออมแบบฝากเงินธนาคารปกติ

เมื่อหนี้หมดจะมีเงิน 7,000 x 24 = 168,000 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย

(อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ล่าสุด 0.25% ต่อปี)

หรือนำ 7,000 บาท ไปลงทุนสินทรัพย์อื่น เช่น กองทุน, หุ้น และทองคำ

ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากกว่า แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบนะ


ขณะเดียวกันเงินใช้จ่าย 21,000 บาท หรือ 60% ของรายได้

คุณสามารถแบ่งออกมาออม-ลงทุน เพิ่มเติมได้อีก

ซึ่งจะทำให้ยอดเงินเก็บของคุณเพิ่มไปอีก

 

พอหมดหนี้ ก็มีเงินก้อน มีสภาพคล่องเพิ่ม

นำไปลงทุนหาผลตอบแทนเพิ่มเติม

ผลตอบแทนจะทบเงินต้นไปเรื่อย ๆ

ความมั่งคั่งของท่านก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

เชื่อมะ หากทำตามที่ว่ามาทั้งหมด (ไม่สร้างหนี้ใหม่ + มีวินัยออมเงิน)

พฤติกรรมการใช้จ่ายของท่านจะเปลี่ยนไปอัตโนมัติ

ซึ่งมันนำไปสู่อิสระภาพทางการเงินในที่สุด


ตัวผมเองยังพูดไม่ได้นะว่ามีอิสระภาพการเงิน

เพราะเพิ่งเริ่มใช้วิธีนี้ได้แค่ปีกว่าเอง

แต่เห็นผลใช้ได้เลย ลองซะ แล้วจะติดใจ

คิดดูว่าโควิด-19 ทำอะไรผมไม่ได้

ทั้งที่งานเสริมของผม (เล่นดนตรี) หายไปเลย

 

แต่จำไว้ อย่าสร้างหนี้ใหม่เพิ่ม

///////////////

 

หากคุณต้องการรวมหนี้ เพื่อแก้หนี้
สามารถยื่นสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการแก้หนี้ได้ที่นี่ >> สมัคร คลิก

 

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ