พลาดไปแล้วกับของมันต้องมี..!!
พลาดไปแล้วกับความอยากที่ถาถมเข้ามา...!!
พลาดไปแล้วที่ปล่อยให้ความต้องการ อยู่เหนือความจำเป็น...!!
บางคนหาเงินได้เยอะ ก็ใช้เยอะ เหมือนค่าใช้จ่ายมันจะพุ่งขึ้นตามเงินเดือน บางครั้งพุ่งเร็งแซงหน้าเงินเดือนไปเลยค่า
แต่เราก็ยังเปลี่ยนมือถือเป็นว่าเล่น ใส่เสื้อผ้าอินเทรนด์ตามกระแส ส่วนลดวันโปรโมชันก็มาบ๊อยบ่อย
การจ่ายเงินปัจจุบันก็ง๊ายง่าย พร้อมโอน พร้อมเปย์ เงินพร้อมออกได้ทุกทางอย่างรวดเร็ว
มารู้ตัวอีกทีก็เริ่มจ่ายหนี้ขั้นต่ำแล้ว รู้แล้วว่าจะไม่ไหวแล้ว อายุล่วงเลยมาเงินออมก็ไม่มี ได้แต่มองคนอื่นตาปริบๆ บางคนบอกอยากออม แต่เงินจะกินในแต่ละเดือนยังแทบไม่พอจะเอาที่ไหนมาออม
เอาล่ะค่ะ ในเมื่อมันเกิดมาแล้วเราต้องรีบหาทางแก้ เริ่มซะตั้งแต่วันนี้ อย่างน้อยก็ไม่มีคำว่าสาย..ถ้าเราคิดจะเริ่ม เพราะนั่นคือปัญหาขออดีต เราต้องเจอปัญหาของอนาคตอีกค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
อยากปิดหนี้ แก้หนี้ รวมหนี้ไว้ที่เดียว แต่ละที่ก็ให้วงเงินไม่ครอบคลุม
เมื่อเรามีความตั้งใจดีก็ดูเหมือนว่าไม่มีที่ไหนที่อยากจะช่วยเราจริงๆเลย ทั้งกู้ไม่ผ่านบ้าง ทั้งวงเงินกู้ที่ให้ไม่พอยอดหนี้บ้าง เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น เรามียอดหนี้บัตรเครดิต 3 บัตร ยอดรวมทุกบัตรแล้ว 114,000 บาท
บัตรที่ 1 วงเงินกู้ 22,000 บาท
บัตรที่ 2 วงเงินกู้ 39,000 บาท
บัตรที่ 3 วงเงินกู้ 53,000 บาท
รวมๆแล้วจ่ายขั้นต่ำไป 10% ทุกเดือนมาสักระยะคิดเป็นเงินประมาณ 11,400 บาทมาโดยตลอด เท่ากับว่าหนี้ไม่ลดลงเลยเพราะโดนหักดอกเบี้ยมหาโหด สามารถดูการคำนวณดอกเบี้ยสำหรับการจ่ายขั้นต่ำได้ที่บทความนี้ "หนี้บัตรเครดิต จ่ายขั้นต่ำวนไป..ยังไงก็ใช้หนี้ไม่หมด"
รวมหนี้ - แก้หนี้บัตรเครดิต
จำนวนเงินขั้นต่ำบัตรเครดิต ที่เราเลือกชำระคือ 10% ของยอดหนี้คงค้าง (ในช่วง COVID 19 เหลือ 5% ของยอดหนี้คงค้าง) หลายๆคนคงมองว่าไม่ได้เป็นจำนวนเงินที่มากมายอะไร สามารถนำรายได้ที่มีมาชำระขั้นต่ำได้อย่างสบาย
แต่วันที่เงินในกระเป๋าไม่ได้มีเท่าเดิม อาจส่งผลถึงความคล่องตัวในการใช้จ่ายได้ จึงสนใจที่จะรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเงื่อนไขสำคัญของการรวมหนี้นั้น สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่มีประวัติในการผ่อนชำระดี ไม่มีประวัติค้างชำระ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

จากข้อมูลข้างต้น เมื่อเรายื่นรวมหนี้เป็นก้อนเดียว จะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ กู้รวมหนี้ผ่านและกู้รวมหนี้ไม่ผ่าน สามารถความข้าใจเพิ่มเติมโดยภาพดังต่อไปนี้

หากเราอยู่ในกรณีที่ 1 คือ ทำเรื่องรวมยอดหนี้แล้วแต่ไม่ผ่าน ไม่ว่าจะเพราะ สภาพคล่องไม่ดี ติดเครดิตบูโร เราก็สามารถแก้ไขได้โดย
• มองหาสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อเอาไปขายหาเงินมาลดยอดหนี้ให้มากที่สุด ป้องกันกำไรที่จะเบ่งบานไปเรื่อยๆ ในอนาคต
• เปลี่ยนหนี้บัตรเครดิต ให้เป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ย 12% ต่อปี นาน 48 เดือนเป็นมาตรการช่วยเหลือใหม่ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ เราสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สถาบันการเงินของบัตรเครดิตนั้นๆ
• หรือการหารายได้เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นรับของมาขายออนไลน์ ทำขนม ทำข้าวกล่อง หากเราพยายามเราทำได้แน่นอนค่ะ YouTube มีสอนเยอะแยะเลยค่ะ
หากเราอยู่ในกรณีที่ 2 คือกู้ผ่าน แต่เราก็เจอปัญหาเคสที่ว่ายอดรวมหนี้ที่ได้จะปล่อยไม่เกิน 1.5 เท่า หมายความว่าหากเรามีเงินเงิน 25,000 ตามตัวอย่างเราจะกู้ได้ 37,500 บาทโดยประมาณ สามารถบริหารยอดกู้รวมหนี้ได้ตามแผนดังนี้

ตั้งต้นด้วยยอดกู้รวมหนี้ยอดใหม่ที่กู้ผ่าน 37,500 บาท สิ่งที่เราควรทำอันดับแรกกับเงินก้อนนี้คือ
1. เช็คว่าบัตรเครดิตไหนดอกเบี้ยสูงๆ เช่น พวกบัตรกดเงินสด ให้ปิดบัตรดังกล่าวก่อนเพราะถ้าดอกเบี้ยสูงๆเงินที่เราจ่ายไปก็ไปตัดแต่ดอก เงินต้นไม่ค่อยลดเลย อีกทั้งยังคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน และถ้าเรา กดเงินออกมาใช้อีก จะมีค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และถ้าจ่ายไม่ตรงเวลา ยังมีค่าทวงถามอีก เพราะฉะนั้น ควรปิดมันไปก่อนเลยนะคะ
2. หากดอกเบี้ยเท่ากัน ให้เลือกปิดบัตรเครดิต ที่สามารถปิดได้ไปก่อนไล่เป็นเจ้าๆ ไป เพราะหากเรามียอดเงินไปปิด 37,500 บาท แต่เลือกที่จะปิดบัตรเครดิตที่ 3 ซึ่งมียอด 53,000 แน่นอนว่าเราปิดไม่หมด หากเรามีสภาพคล่องไม่ดีมีโอกาสสูงมากๆ ที่เราจะกดใช้เงินนั้นอีกปัญหาหนี้จะเรื้อรังไม่จบไม่สิ้น
3. โปะบัตรเครดิตอื่นๆ หากเราเลือกปิดหนี้วิธีที่ดีที่สุดแล้วมีเงินเหลือก็เอาไปโปะบัตรเครดิตอื่นๆ โดยให้เลือกบัตรที่คิดว่าจะสามารถปิดได้เร็วที่สุดตามวิธีที่ 2
ขั้นถัดมาเรามาบริหารหนี้ยอดใหม่ และยอดเก่าที่เราจะเจอกันนะคะ

จากภาพเราจะเห็นว่า เดิมทีเราจ่ายขั้นต่ำ 11,400 บาท เราต้องประเมินว่ายอดนี้ที่จ่ายไปในแต่ละเดือน ทำให้เราลำบากมากไหม หากเราลำบาก เราก็สามารถเพิ่มสภาพคล่องได้โดยมียอดเงินเหลือจาก 11,400 คือ 2,650 สามารถเอาเงินเหลือไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อได้
แต่หากเรายังสามารถจ่าย 11,400 ได้โดยที่ไม่ลำบากอะไร เราสามารถเอายอด 2,650 ไปโปะหนี้บัตรอื่นต่อได้ หรือจะเก็บออม หรือลงทุนต่อหากพอมีความรู้ เพียงแค่นี้เราก็จะสามารถบริหารหนี้ได้ และการเงินเราก็จะดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ สู้ๆนะคะมนุษย์หนี้บัตรเครดิตทั้งหลาย
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ ที่ผ่อนบ้านใกล้จะครบ 3 ปี หรือผ่อนบ้านครบ 3 ปี แล้ว ควรที่จะวางแผนรีไฟแนนซ์บ้าน ด้วยการหาข้อมูลดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านแต่ละธนาคารได้รอได้แล้ว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านในปีถัดๆไป
