รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ทางออกหนี้ของคนมีบ้าน

ㅤㅤปัจจุบันหลายคนที่มีบ้านและผ่านระยะเวลาการผ่อนชำระบ้านตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ต่างก็ต้องการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว นั่นจึงทำให้การรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน เป็นทางเลือกอันดับแรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึง เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน คือการได้รับสิทธิ์กู้เงินอเนกประสงค์เพิ่มเติมจากมูลค่าบ้าน และเงินสดนี้ยังสามารถนำไปบริหารสภาพคล่องได้ตามที่ผู้กู้ต้องการอีกด้วย ดังนั้น ในบทความชิ้นนี้ เราจะไปหาคำตอบพร้อมกันว่า เพราะอะไรการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน จึงเป็นทางออกหนี้สำหรับคนมีบ้าน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามรายละเอียดกันเลย นำไปปิดหนี้บัตรเครดิตต่าง ๆ อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ทำให้เราได้รับสิทธิ์ในการกู้เงินอเนกประสงค์เพิ่มเติมจากมูลค่าบ้าน โดยเงินสดก้อนนี้สามารถนำไปใช้ปิดหนี้บัตรเครดิตได้ด้วย เพราะอัตราดอกเบี้ยของหนี้บัตรเครดิตสูงถึง 16 - 25% ซึ่งถือว่าสูงมากหากเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยเงินกู้อเนกประสงค์ ดังนั้น การรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน จึงเป็นข้อดีที่สำคัญที่ทำให้ได้รับเงินกู้เพื่อมาปิดหนี้ดังกล่าว นอกจากนำเงินไปปิดภาระหนี้ต่างๆแล้ว การรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินที่ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ยังคุ้มค่าที่จะนำเงินไปจัดสรรเรื่องการเงินด้านอื่นๆได้อีกด้วย นำไปบริหารสภาพคล่อง ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดชีวิตจำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งหลายคนที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูง มีคนในครอบครัวต้องดูแล หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจต่างต้องการบริหารสภาพคล่อง การรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เรามีเงินนำไปใช้บริหารสภาพคล่องหรือเหตุจำเป็นต่าง ๆ ในชีวิต โดยใช้อสังหาริมทรัพย์อย่างที่อยู่อาศัยมาใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ได้ ซึ่งทำให้เราได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงอย่างมาก นี่จึงเป็นข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามของการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน นำไปต่อเติมและซ่อมแซมบ้าน การต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยมานานหลายปีเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากผ่อนบ้านครบ 3 ปี ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะได้รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน เพราะนอกจากได้ดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลง การรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ยังช่วยให้ได้เงินสดจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปใช้ต่อเติมให้บ้านได้มีฟังก์ชันแบบที่ต้องการ ได้ใช้งานจริง และช่วยซ่อมแซมให้บ้านกลับมามีชีวิตชีวาน่าอยู่อีกครั้ง คำถามสำคัญ รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ที่ไหนได้บ้าง ? ㅤㅤการรีไฟแนนซ์บ้าน คือการปิดภาระหนี้ก้อนเดิมด้วยวงเงินกู้ใหม่ โดยใช้บ้านหลังเดิมเป็นหลักประกัน ดังนั้น สามารถยื่นกู้จากธนาคารไหนก็ได้ที่ช่วงเวลานั้นมีโปโมชันการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ยกเว้น ธนาคารเดิมที่มีภาระหนี้อยู่ ㅤㅤแต่หากต้องการใช้ธนาคารเดิม จะเรียกว่าเป็นการรีเทนชั่น (Retention) หรือการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม โดยธนาคารเดิมจะทำการประเมินประวัติการชำระสินเชื่อบ้านว่าตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ จากนั้นธนาคารจะเสนออัตราดอกเบี้ยใหม่ในวงเงินกู้เดิมให้กับเรา ซึ่งข้อดีของการรีเทนชั่น (Retention) จะไม่มีภาระค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมต่างๆตามมา แต่อาจจะไม่ได้อัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับการ รีไฟแนนซ์บ้าน สรุป ㅤㅤการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินเป็นทางออกหนี้สำหรับผู้มีบ้าน ที่ทำให้เรามีเงินก้อนสามารถนำไปปิดหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดต่าง ๆ และทำให้เรามีเงินนำไปใช้จ่ายจำเป็นในชีวิต หรือที่เรียกว่าเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงช่วยให้เรามีเงินก้อนนำไปต่อเติมหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ก่อนรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน ควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อเสนอกับธนาคารเดิม หากไม่ติดสัญญาหรือผิดเงื่อนไข เราก็สามารถดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้านได้เลย ㅤㅤทุกข้อสงสัยและทุกคำถามเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินจะเป็นเรื่องง่าย และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณ เพียงรับคำปรึกษาด้านการเงินจากผู้เชี่ยวชาญ Lumpsum คลิกที่เว็บไซต์ www.lumpsum.in.th หรือที่แอปพลิเคชัน Lumpsum บนระบบ IOS และ Android เพราะเราอยากเห็นทุกคนมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีตลอดไป สนใจรับคำปรึกษารีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สอบถามเข้ามาได้ที่นี่ คลิกเลย หรือ แอด Line

  Lumpsum .


  30 พฤษภาคม 2567

แจกฟรีตารางผ่อนบ้าน พร้อมเคลียร์ชัดผ่อนบ้านทีทำไมถึงเสียดอกเบี้ยเป็นล้าน!!

เชื่อว่าหลายคนที่อาจซื้อบ้านมาแล้ว หรือกำลังสนใจอยากมีบ้านสักหลัง ก็คงเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง ว่าถ้าเราผ่อนบ้านสักหลัง ผ่อนไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีเงินที่จ่ายไปก็แทบจะซื้อบ้านหลังข้างๆเพิ่มได้อีกหนึ่งหลังกันเลยทีเดียว แต่ถ้าดูจากเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเปรียบเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นๆดอกเบี้ยบ้านก็ยังถือว่าต่ำกว่ามาก แล้วทำไมเราถึงเสียดอกเบี้ยมากมายขนาดนี้กันวันนี้ผมจะพาไปไขข้อข้องใจพร้อมเคลียร์กันชัดๆ คำนวณกันแบบบรรทัดต่อบรรทัด ด้วย ตารางผ่อนบ้าน ที่เราทำแจกฟรี ให้หายสงสัยกันไปเลย ถ้าใครอยากลองเอา ตารางผ่อนบ้าน ไปใส่ตัวเลขยอดกู้และดอกเบี้ยของตัวเอง เพื่อคำนวณไปพร้อมๆกับเราก็สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ตารางผ่อนบ้าน คลิกที่นี่ 1.ยอดกู้ อัตราดอกเบี้ย ค่างวด ระยะเวลา ก่อนอื่นเราจะใส่ตัวแปรสำคัญในการคิดดอกเบี้ยบ้านกันก่อน ยอดเงินกู้ สำหรับยอดเงินกู้ เราจะใส่จำนวนเงินที่เรากู้จริงกับธนาคาร โดยไม่สนใจว่าราคาบ้านจริงๆเท่าไหร่ ดาวน์ไปเท่าไหร่ เอาแค่วงเงินกู้หรือเงินต้นที่จะถูกคิดดอกเบี้ยเท่านั้น อัตราดอกเบี้ย สำหรับอัตราดอกเบี้ย เราจะใส่อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงๆแบบปีต่อปี ซึ่งตารางผ่อนบ้านนี้ ผมปรับรูปแบบใหม่ให้สามารถใส่อัตราดอกเบี้ยโปรโมชันในแต่ละปีที่อาจไม่เท่ากัน จะได้คำนวณชัดๆกันไปเลย ซึ่งหากใครใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงดอกเบี้ย MRR (Minimum Loan Rate) แล้วมีโปรโมชันส่วนลดเพิ่มเติม ก็ให้ใช้ตัวเลข MRR ปัจจุบัน - ส่วนลด ได้เลย เช่น MRR 7.25% - 3.75% = 3.5% เราก็จะใช้ตัวเลข 3.5% ไปเป็นอัตราดอกเบี้ยในการคำนวณ ค่างวด อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญไม่แพ้สองข้อข้างบน ก็คือ ค่างวด เพราะยิ่งผ่อนจ่ายในแต่ละงวดเยอะ ก็มีโอกาสที่เงินจะเข้าต้นเยอะขึ้นและแน่นอนว่าก็ช่วยให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ลดลงไปด้วย ระยะเวลา แม้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่เราผ่อนกันอาจจะดูไม่สูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อประเภทอื่นๆ แต่พอเราผ่อนกันยาวๆ เสียดอกเบี้ยหลายๆปี ก็เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมเยอะตามไปด้วย 2.ต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไหร่ หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่าการผ่อนบ้านสักหลัง แค่เรามีความสามารถในการจ่ายไหวผ่อนได้ก็น่าจะพอสำหรับการซื้อบ้านสักหลังแล้ว แต่ถ้ารู้ว่าดอกเบี้ยที่ต้องเสียไปเท่าไหร่ คุณอาจจะอยากทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยและคอยจัดการให้ดอกเบี้ยต่ำสม่ำเสมอ ซึ่งใน ตารางผ่อนบ้าน เมื่อใส่ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ตารางจะคำนวณออกมาให้ทั้งหมดเลยว่าถ้าผ่อนแบบเงื่อนไขนี้ไปเรื่อยๆโดยไม่ทำให้ดอกเบี้ยต่ำสม่ำเสมอจะต้องเสียดอกเบี้ยเท่าไหร่ ซึ่งผมได้ทำตารางสรุปดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไว้ 2 ส่วน ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดตลอดสัญญา ในตัวอย่างที่ผมกำหนดไว้ก็คือ 30 ปี ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นระยะเวลาในการทำสัญญาผ่อนบ้านที่หลายคนใช้ และถ้าดูจากตัวอย่างนี้ บ้านราคา 3,000,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยถึง 2,682,751 บาท เลยทีเดียว !! ดอกเบี้ยและเงินต้นที่ต้องจ่ายในช่วง 3 ปี ที่ผมแยกให้แบบนี้ เพราะ ตารางผ่อนบ้านนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการคำนวณเพื่อวางแผนที่จะรีไฟแนนซ์ได้ด้วย เพราะในปัจจุบันแต่ละธนาคารก็ออกโปรโมชันออกมามากมาย เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าไปรีไฟแนนซ์ด้วย แต่ละโปรโมชันก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนั้นสามารถใช้ ตารางผ่อนบ้าน นี้ไปเปรียบเทียบชัดๆได้เลยว่าา หากเรารีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ แล้วต้องผ่อนเท่านี้เจออัตราดอกเบี้ยเท่านั้น ตลอด 3 ปีเงินที่จ่ายเข้าไปแต่ละงวดจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่และจะเหลือเข้าต้นเท่าไหร่ แถมเพิ่ม !!! ช่องค่าใช้จ่ายการดำเนินการที่เป็นอีกภาระค่าใช้จ่ายสำคัญในการรีไฟแนนซ์ที่หลายคนมักหลงลืม ซึ่งช่องนี้ผมให้กรอกตัวเลขไว้เฉยๆครับจะได้ไม่ลืม แต่สุดท้ายให้เอา ดอกเบี้ยรวม 3 ปี + ค่าใช้จ่ายการดำเนินการ = รายจ่ายสำหรับการรีไฟแนนซ์ ซึ่งสามารถเอาไปเทียบกับการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ หรือ ขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้เลยว่า แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน !!! 3.ทำไมถึงเสียดอกเบี้ยเป็นล้าน ดอกเบี้ยบ้านถูกคำนวณแบบลดต้นลดดอก หรือ Effective Rate โดยตัวแปรสำคัญหลักๆส่วนแรกก็คือ ยอดเงินต้นที่กู้กับธนาคารและอัตราดอกเบี้ย ถ้าเงินต้นสูง ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ต้องสูง ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูง ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ต้องสูง เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เทียบกันชัดๆผ่าน ตารางผ่อนบ้าน กันไปเลย ในตัวอย่างจะเห็นว่าช่วงปีที่ 1 หรือ งวดที่ 1-12 เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เงินที่จ่ายเข้าไปแต่ละงวดจะเข้าดอกเบี้ยน้อยและจะเข้าเงินต้นเป็นส่วนใหญ่ แบบนี้จะยิ่งทำให้ยอดหนี้ลดลงเร็วขึ้น แต่พอเริ่มเข้าช่วงปีที่ 2 หรือ ตั้งแต่งวดที่ 13 ถ้าผ่อนแบบขั้นบันได อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มสูงขึ้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย อย่างในตัวอย่างดอกเบี้ยปรับขึ้นจาก 4,000 บาท เป็น 8,000 บาท เรียกได้ว่าขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ยิ่งเห็นภาพชัดขึ้นในช่วงหลังหมดโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษ อย่างในตัวอย่างนี้คือปีที่ 4 เป็นต้นไปที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR เป็นหลัก ถึงยอดผ่อนต่อเดือนจะขยับไปที่ 16,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยถึง 75% ของค่างวดเลยทีเดียว และแม้ว่าเราจะผ่อนต่อเดือนสูงขึ้น แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเช่นกัน เงินที่จ่ายไปส่วนใหญ่ก็ยังไปเข้าฝั่งของดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นอยู่ดี หากเรามองระยะสั้น การผ่อนแบบ 6 เดือน 1 ปี 3 ปี ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมๆก็อาจจะไม่ได้สูงมาก แต่สำหรับภาระหนี้ก้อนใหญ่อย่างบ้าน เราผ่อนกันยาวๆ 30 ปี 40 ปี ดังนั้น เมื่อระยะเวลายาวนาน ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย เดือนละหลักพัน หลักหมื่น รวมๆแล้วก็ทำให้เราต้องเสียดอกเบี้ยกันเป็นล้านๆ เกือบได้บ้านกันอีกเป็นหลังๆ เพราะตัวแปรสำคัญคือ เวลา นั่นเอง น่าจะเห็นภาพชัดขึ้นผ่าน ตารางผ่อนบ้าน ที่วันนี้เอามาฝากกันนะครับ ว่าตัวแปรสำคัญมาจาก ยอดเงินต้นที่กู้กับธนาคารสูง อัตราดอกเบี้ย ค่างวด และระยะเวลาผ่อนที่นานเลยเป็นสาเหตุทำให้ผ่อนบ้านกันทีเสียดอกเบี้ยกันเป็นล้าน แล้วบ้านที่คุณกำลังผ่อนอยู่หรือกำลังสนใจอยากจะซื้อ เสียดอกเบี้ยเท่าไหร่ ลองไปคำนวณผ่าน ตารางผ่อนบ้านกันดูครับ… 📍ดาวน์โหลดไฟล์ตารางผ่อนบ้านได้ที่นี่ คลิกเลย สนใจรับคำปรึกษารีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สอบถามเข้ามาได้ที่นี่ คลิกเลย หรือ แอด Line :@lumpsumofficial

  เทส ธนสิทธิ์


  15 พฤษภาคม 2567

รู้ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน มีข้อดีอย่างไรบ้าง?

โดยปกติแล้วคนวัยทำงานที่มีหน้าที่การงาน เงินเดือนมั่นคง และมีเงินเก็บก้อนใหญ่ ก็คิดฝันที่จะซื้อบ้านสักหลัง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การซื้อบ้านนั้นมาพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยเฉพาะดอกเบี้ยหลังจากช่วง 3 ปีแรกที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งพอมาถึงจุดนี้หลายคนเลือกที่จะทำเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อผลลัพธ์ในแง่บวกที่จะเกิดขึ้นกับผู้ขอสินเชื่อเงินกู้ในอนาคต ดังนั้น ในบทความชิ้นนี้เราจะมาเรียนรู้ไปพร้อมกันว่า เพราะเหตุใดการรีไฟแนนซ์บ้าน จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และมีข้อดีอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามรายละเอียดกันเลย ลดดอกเบี้ย ข้อดีประการแรกของการรีไฟแนนซ์บ้านที่เห็นได้ชัด คือช่วยลดดอกเบี้ยให้ต่ำลง เพราะเมื่อผ่อนบ้านไปสักระยะจากเดิมดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% หลังผ่านปีที่ 3 ไปดอกเบี้ยอาจจะขยับเป็น 4 - 6% ได้เช่นกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อเงินกู้ สามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลง บางธนาคารอาจลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 2.75% หรือต่ำกว่านั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายในช่วงนั้นของแต่ละธนาคาร ลดระยะเวลาผ่อนชำระ ข้อดีประการต่อมาของการรีไฟแนนซ์บ้าน คือเมื่อลดดอกเบี้ยแล้ว ก็จะช่วยลดระยะเวลาในการผ่อนชำระบ้านได้อีกด้วย โดยผู้ขอสินเชื่อเงินกู้จะต้องเลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่น้อยลง ในขณะเดียวกันจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น หนี้ผ่อนชำระค่าบ้านของเราจึงหมดไวมากขึ้น ลดรายจ่ายในแต่ละเดือน จุดประสงค์หนึ่งของการรีไฟแนนซ์บ้าน คือ ผู้ขอสินเชื่อเงินกู้ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้น วิธีดังกล่าวจึงเป็นตัวเลือกที่จะช่วยการลดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร ตัวอย่างเช่น ปกติเราทำการผ่อนชำระบ้านเดือนละ 20,000 บาท เมื่อทำการรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว จะสามารถลดยอดผ่อนชำระได้อยู่ที่ประมาณ 16,000 บาท ทั้งนี้ การคิดคำนวณจำนวนเงินที่เจ้าของบ้านจะต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือน เป็นการตกลงกันระหว่างผู้กู้สินเชื่อและธนาคารแต่ละแห่ง ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป สรุป ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านที่เห็นได้ชัดคือ ช่วยลดดอกเบี้ย ลดระยะเวลาผ่อนชำระ และลดรายจ่ายในแต่ละเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้ขอสินเชื่อเงินกู้ควรศึกษารายละเอียดแต่ละธนาคารก่อนตัดสินใจดำเนินการ เพื่อให้เราได้อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนที่เหมาะสมกับสภาพการเงินในปัจจุบัน ปรึกษาเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน พร้อมรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จาก Lumpsum ได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ www.lumpsum.in.th และที่แอปพลิเคชัน Lumpsum บนระบบ IOS และ Android แล้วเรื่องการเงินจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ สนใจรับคำปรึกษารีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดฯ สอบถามเข้ามาได้ที่นี่ คลิกเลย หรือ แอด Line https://page.line.me/lumpsumofficial

  Lumpsum .


  10 เมษายน 2567

รวมโปรฯ รีไฟแนนซ์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ธนาคารเกียรตินาคิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.30% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ค่าจดจำนอง , ค่าอากรแสตมป์ , ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.39%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.42%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมขอสินเชื่อ ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.40%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ 6 เดือนแรกปลอดชำระ , ฟรีค่าประเมิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.49%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ฟรีค่าประเมิน , ค่าประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.57% ธนาคารทหารไทยธนชาติ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.60%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.60% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.85%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.15%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , กู้เอนกประสงค์เพิ่มได้ ดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อปี ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.60%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับ Lumpsum สมัครครั้งเดียวยื่นได้หลายธนาคาร **ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 5 มีนาคม 2567**

  ธนากร นวมรัตน์


  06 มีนาคม 2567

ผ่อนบ้านยังไง เลี่ยงปัญหา แถมมีเงินเก็บเพิ่ม

บ้านหลายหลังกำลังเสี่ยงจะถูกยึด หลายคนกำลังเกิดปัญหาผ่อนไม่ไหว… ผมนึกถึงหนึ่งความเชื่อที่เราหลายๆคน ถูกปลูกฝังกันมากันตั้งแต่เด็กๆ “ไม่มีหนี้ดีที่สุด” ซึ่งมันก็ดูเป็นความจริงที่ เมื่อคุณไม่มีภาระ มันก็ง่ายต่อการใช้ชีวิต แต่ก็ต้องยอมรับว่า เราคงเอาคำนี้ไปตัดสินทุกคนไม่ได้ เพราะเราต่างมีเป้าหมาย มีความจำเป็นของแต่ละคนก็ต่างกัน และแน่นอนว่า หนึ่งเป้าหมายลำดับต้นๆของหลายคน ก็ยังคงเป็นเรื่องบ้าน จะให้เก็บเงินซื้อสด เพื่อหวังว่าจะไม่เป็นหนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย หรือจะอยากจะทำจริงๆ หลายคนก็คงเก็บกันจนเกือบเกษียณถึงจะได้สักหลัง เมื่อถึงจุดนี้ ก็คงเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องใช้สินเชื่อ แต่จะให้ผ่อนๆ ไปเรื่อยๆ ยาวๆ 20-30 ปี พอมาคำนวณดูแล้ว แทบจะได้บ้านอีกหนึ่งหลังหรือสำหรับคนเลือกผ่อนต่ำ ดอกเบี้ยจ่ายอาจจะแทบได้บ้านเพิ่มเกินหนึ่งหลังเลยด้วยซ้ำ ประกอบกับด้วยความเชื่อ “ไม่มีหนี้ดีที่สุด” ทั้งหมดนี้เลยส่งต่อวิธีคิดและนำไปสู่วิธีการจัดการที่ทำให้หลายๆคนเกิดปัญหาเรื่องเงินตามมา แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีความจำเป็น มีความฝันที่อยากมีบ้านสักหลัง เราจะสามารถทำยังไงได้บ้าง เพื่อให้สามารถผ่อนไหว ทำได้ตามแผนและก็ยังประหยัดดอกเบี้ยให้ได้เยอะที่สุด ที่สำคัญไม่เกิดปัญหาเรื่องเงินตามมา ไปหาคำตอบนี้กันดีกว่าครับ… “ประหยัดง่าย ทำได้เลย” เริ่มจากสิ่งที่เราสามารถลงมือทำได้เลยและไม่กระทบการเงินมากนัก ซึ่งมันมีผลดีต่อทั้งสภาพคล่องและการ “ประหยัดดอกเบี้ย” เรียกได้ว่า ทำน้อย ได้มาก ดอกเบี้ย 1-2% ถ้าเรามองจาก เงิน 100 บาท มันอาจจะดูไม่เยอะ แต่เมื่อมันถูกคำนวณในพื้นฐานจำนวนเงินที่มากขึ้นอย่างการซื้อบ้าน คุณจะเห็นว่ามันไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญเราไม่ได้เสียกัน 1-2 ปี แต่เราผ่อนกันยาวๆ 20-30 ปี ซึ่งถ้าลองเอาดอกเบี้ยมารวมๆแล้ว คุณจะสามารถประหยัดเงินได้เพิ่มขึ้น และมีส่วนต่างที่จะเป็นเงินออมหรือจะเอามาโปะเพิ่มเป็นล้านเลยทีเดียว ซึ่งวิธีการจัดการกับดอกเบี้ย จะมีหลักๆด้วยกัน 2 วิธี 1.Retention หรือการขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ซึ่งข้อดี คือการที่คุณไม่ต้องเตรียมเอกสารใหม่ให้วุ่ยวาย ไม่มีค่าดำเนินการเพิ่มเติม แต่ข้อเสีย คือ ดอกเบี้ยอาจจะไม่ได้ประหยัดลงมาก 2.Refinance หรือพูดง่ายๆ คือการขอกู้เงินกับธนาคารใหม่มาปิดหนี้ธนาคารเดิม ซึ่งแน่นอนว่าหากธนาคารใหม่ อยากได้เงินดอกเบี้ยจากวงเงินกู้ของเรา เขาก็มักจะมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อมาดึงดูดให้เราไปกู้เงินกับเขานั่นเอง และนี่ก็คือข้อดี ที่จะทำให้คุณได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่เดิม แต่มันก็มีข้อเสียอยู่หน่อย เพราะการย้ายไปกู้เงินกับธนาคารใหม่ มันก็คล้ายกับการที่คุณเริ่มกู้บ้าน คือต้องเตรียมเอกสาร หลักฐานต่างๆ และก็จะมีค่าดำเนินการต่างเช่นกัน แต่ปัจจุบันหลายๆธนาคารก็ออกโปรโมชั่นพิเศษสำหรับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนแบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน ตรงนี้อาจจะต้องลองคำนวณส่วนต่างของทั้ง2แบบครับ เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น และเลือกธนาคารที่เหมาะสำหรับคุณมากขึ้น ซึ่งคุณสามารถเข้าไปปรึกษา Lumpsum ได้ที่ Refinance “อย่ากลัวหนี้ จนไม่มีสภาพคล่อง” สาเหตุสำคัญอันดับต้นๆของปัญหาหนี้ ไม่ได้เกิดจากการที่คุณเป็นหนี้ แต่เกิดจากไม่มีสภาพคล่อง อย่างช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นต่อเนื่อง และแน่นอนว่าดอกเบี้ยบ้านก็กระทบเช่นกัน และมันก็เป็นเรื่องปกติที่เราไม่อยากจะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มแบบฟรีๆ ซึ่งวิธีหนึ่งที่เราเหล่าคนผ่อนบ้านนิยมใช้กัน คือ การจ่ายเงินต่อเดือนให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้เงินที่จ่ายเพิ่มไป ไปเข้าต้นมากขึ้นและหวังว่าเดือนถัดๆไป เราจะรับภาระจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำลง โดยการจ่ายเพิ่มหลักๆแล้วก็จะมี 2 วิธี 1.การทำค่างวดสูงขึ้น วิธีนี้ก็ง่าย ตัดทีเดียว ก้อนเดียว จบๆ 2.การโปะเพิ่ม วิธีนี้อาจจะวุ่นขึ้นมาหน่อย เพราะบางธนาคาร คุณอาจจะต้องจ่ายมาโปะอีกวัน บางธนาคารถ้าอยากโปะ ต้องไปจ่ายที่ธนาคาร แล้วแจ้งว่า โปะค่าบ้านเพิ่ม ไม่อย่างนั้น ยอดที่โปะเข้าไป จะไปตั้งรอตัดเดือนถัดไป ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน มันเป็นทางออกที่ดีเลยครับ ในมิติเรื่องประหยัดดอกเบี้ย หากมองในเรื่องความสะดวก วิธีที่ 1 ก็ดูจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าลึกลงในรายละเอียดและวิธีจัดการกับสภาพคล่อง เพื่อเลี่ยงปัญหาการเงินตามมา วิธีการที่ 1 อาจจะดูเสี่ยงไปสักหน่อย เพราะอะไร… เพราะการผ่อนบ้าน เราผ่อนกันยาวๆ 20 - 30 ปี และแน่นอนว่าระหว่างทางเราก็จะมีเป้าหมายหรือภาระเพิ่มเข้ามาระหว่างทางแน่นอน ดังนั้นแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหา แต่ไปถึงปลายทางเดียวกัน ผมว่าวิธีการโปะเพิ่มน่าจะเป็นทางออกที่ดีของหลายๆคน บทความนี้น่าจะได้ไอเดียไปปรับใช้กันพอสมควรนะครับ สำหรับคนที่ผ่อนบ้านอยู่หรือมีแผนมีความฝันอยากมีบ้านสักหลัง ก็ลองเอาไปปรับใช้ให้เหมาะสำหรับแผนของตัวเองกันดูครับ เพราะสุดท้ายมันไม่ได้มีวิธีตายตัวที่ดีที่สุด แค่คุณเอาไปปรับให้เหมาะกับชีวิตคุณก็น่าจะเพียงพอแล้ว เริ่มต้นวางแผนวันนี้เพื่อสุขภาพการเงินที่ดี คลิกเลย -->https://bit.ly/3nwPHbL หรือ line: @lumpsumofficial

  เทส ธนสิทธิ์


  04 มีนาคม 2567

รวมโปรฯ รีไฟแนนซ์ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารเกียรตินาคิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.3% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ค่าจดจำนอง , ค่าอากรแสตมป์ , ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.55%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ฟรีค่าประเมิน , ค่าประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.57% ธนาคารทหารไทยธนชาติ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.6%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.6% ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.66%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , กู้เอนกประสงค์เพิ่มได้ ดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อปี ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.665%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ 6 เดือนแรกปลอดชำระ , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 30,000 บาท) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.85%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.04%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 6.2%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมขอสินเชื่อ สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับ Lumpsum สมัครครั้งเดียวยื่นได้หลายธนาคาร **ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567**

  ธนากร นวมรัตน์


  02 กุมภาพันธ์ 2567

5 เหตุผลดีๆ ที่ควรทำการรีไฟแนนซ์บ้าน

หากใครที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ และจ่ายดอกเบี้ยสูง ก็คงอยากหาวิธีลดภาระดอกเบี้ยลงบ้าง มาดู 5 เหตุผลดีๆ ที่คนผ่อนบ้านควรพิจารณาเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะช่วยได้เยอะจริงๆ 1. รีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยลดภาระผ่อนชำระ การรีไฟแนนซ์บ้านจะทำให้คนที่กำลังผ่อนอยู่ และจ่ายดอกเบี้ยบ้านสู๊ง…สูง ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิม นั่นจะช่วยลดภาระผ่อนชำระต่อเดือนลงได้ 2. รีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น เมื่อผ่อนบ้านครบสัญญา 3 ปี แล้วดอกเบี้ยลอยตัว หรือแพงขึ้น การรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยปรับให้ดอกเบี้ยต่ำลง การผ่อนจะเข้าเงินต้นมากกว่าการปล่อยให้ดอกเบี้ยลอยตัว และจะทำให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น 3. รีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยประหยัดเงินได้ในระยะยาว การรีไฟแนนซ์บ้านทำให้ดอกเบี้ยต่ำลงจากเดิม ส่งผลให้ผ่อนชำระต่อเดือนลดลง ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น ในระยะยาวช่วยประหยัดเงินได้ และอาจเหลือเป็นเงินก้อนได้ในอนาคต 4. รีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน การรีไฟแนนซ์บ้านจะทำให้มีเงินเหลือมากขึ้น สามารถนำเงินไปลงทุนด้านอื่นๆ ได้อีก 5. รีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยเพิ่มโอกาสในการยื่นขอสินเชื่อในอนาคต การรีไฟแนนซ์บ้านก็เหมือนเราได้เช็กเครดิต หากรีไฟแนนซ์ผ่าน ประวัติดี ผ่อนชำระตรง ผ่อนต่อเนื่อง และยังรักษาประวัติให้ดีไปตลอด ก็มีโอกาสในการยื่นขอสินเชื่ออื่นๆในอนาคตผ่านได้ ดูรายละเอียดรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มเติม หรือให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิกได้ที่นี่ หรือ แอดไลน์ @lumpsumofficial*หมายเหตุ: สมัครสำเร็จ จะมีเจ้าหน้าที่ ธนาคารโทรติดต่อกลับ ในกรณีที่ต้องการคำแนะนำก่อนยื่นรีไฟแนนซ์ให้ทักแชทสอบถามทีมงาน Lumpsum เพิ่มเติมก่อนได้เลย

  Lumpsum .


  12 มกราคม 2567

รวมโปรฯ รีไฟแนนซ์ ประจำเดือนมกราคม 2567

ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารเกียรตินาคิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.3% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ค่าจดจำนอง , ค่าอากรแสตมป์ , ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ธนาคารทหารไทยธนชาติ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.5%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.5%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.55%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ฟรีค่าประเมิน , ค่าประกันอัคคีภัย ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.6%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ 6 เดือนแรกปลอดชำระ , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 30,000 บาท) ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.62%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บาท) ธนาคารไทยเครดิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.66%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , กู้เอนกประสงค์เพิ่มได้ ดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อปี ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.34%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 6.2%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมขอสินเชื่อ ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 7.3% สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับ Lumpsum สมัครครั้งเดียวยื่นได้หลายธนาคาร **ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 4 มกราคม 2566**

  หนึ่ง ศราพงค์


  05 มกราคม 2567

5 ข้อผิดพลาดในการ "รีไฟแนนซ์บ้าน"

แม้การ "รีไฟแนนซ์บ้าน" จะมีข้อดีเต็มไปหมด แต่หากไม่ศึกษารายละเอียดและเตรียมตัวให้พร้อมก็อาจจะส่งผลเสียได้เช่นกัน ประกอบด้วย 1.ไม่เปรียบเทียบข้อเสนอ กรณีนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย โดยผู้ที่จะ "รีไฟแนนซ์บ้าน" ไม่ศึกษาเปรียบเทียบข้อเสนอหรือโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินหลาย ๆ แห่ง พอตัดสินใจจะดำเนินการ ก็มักใช้การถามคนรู้จักว่า "รีไฟแนนซ์บ้าน" ที่ไหนดี แล้วไปมุ่งทำตามคำบอกเล่า ซึ่้งเมื่อเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าที่เดิมก็เริ่งดำเนินการทันที ทั้งที่ควรเปรียบเทียบจากหลาย ๆ สถาบันการเงิน หรือ ทุกสถาบันการเงินได้ยิ่งดี เพราะจะได้มาเลือกหาข้อเสนอที่ดีที่สุดเหมาะสมที่สุด (Lumpsum ช่วยได้นะเรื่องนี้ คลิกที่นี่) 2.ไม่คำนวณค่าใช้จ่าย อย่างที่รู้กันว่าการ "รีไฟแนนซ์" เหมือนการกู้ใหม่ ดังนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าประเมิน, ค่าจดจำนอง, ค่าอากรแสตมป์ และอื่น ๆ อีกหลายรายการ ซึ่งผู้ "รีไฟแนนซ์บ้าน" ไม่น้อยละเลยส่วนนี้ไป คำนึงถึงแต่ดอกเบี้ยที่ลดลงจากเดิมเป็นที่ตั้ง แต่ที่ถูกต้องคือควรคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นต้นทุนด้วย เพื่อจะได้ประเมินความเหมาะสมในการ "รีไฟแนนซ์บ้าน" ครั้งนี้ ว่าจริง ๆ แล้วต้นทุนลดลงหรือไม่ 3.ไม่อ่านสัญญา ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะในสัญญาจะระบุเงื่อนไขทั้งหมด เช่น ระยะเวลาการไถ่ถอน, ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอน, ค่าปรับต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย อันนี้ประสบการณ์ตรงจากคนใกล้ชิด เพราะตอนซื้อบ้านไม่อ่านสัญญา คิดว่า 3 ปีคง "รีไฟแนนซ์" ได้เหมือนทั่วไป แต่จริงสถาบันการเงินสามารถกำหนดระยะเวลาได้ เช่น 5 ปีถึงจะไถ่ถอนได้ หากถอนก่อนต้องเสียค่าปรับ หรือ รายละเอียดการชำระเงินผ่อนที่มีโปรโมชั่น เช่น 1 ปีแรกผ่อนเดือนละ 5,000 บาท แต่พอไม่อ่านสัญญาจะไม่รู้เลยว่าเงินที่จ่ายไป ไม่เข้าเงินต้นเลยสักแดงเดียว ดังนั้นต้องศึกษาสัญญาทุกอย่างโดยละเอียดรอบคอบ 4.ห่วงแต่ลดค่างวดต่อเดือนจนลืมดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หลายรายทำการ "รีไฟแนนซ์บ้าน" ซึ่งข้อเสนอของที่ใหม่ทำให้ผ่อนน้อยลง อาจจะถือเป็นเรื่องดีในระยะสั้น แต่ต้องไม่ลืมว่าการผ่อนน้อยลง ระยะเวลาการผ่อนจะเพิ่มขึ้น และด้วยการผ่อนบ้านคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ยิ่งนานดอกเบี้ยจ่ายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต้องประเมินให้รอบคอบ เพราะสุดท้ายต้นทุนก็จะอยู่ในระดับสูงอยู่ดี แต่สำหรับท่านที่ขาดสภาพคล่องระยะสั้น การได้ผ่อนค่างวดน้อยลงถือเป็นเรื่องดี ซึ่งระยะยาวหลังสภาพคล่องดีขึ้นก็ควรหาจังหวะโปะเพื่อลดเงินต้นด้วยนะครับ 5.หวังได้เงินส่วนต่าง โดยทั่วไปการ "รีไฟแนนซ์บ้าน" จะให้วงเงินใกล้เคียงกับราคาประเมิน ซึ่งหลังจากผ่อนกับสถาบันการเงินเดิมมาจนครบ 3-5 ปีจน "รีไฟแนนซ์" เงินต้นคงจะลดลงไปจนต่ำกว่าราคาประเมิน ซึ่งหลายรายเห็นช่องว่างตรงนี้ด้วยการกู้กับที่ใหม่แบบเติมวงเงิน เพื่อนำส่วนต่างมาใช้จ่ายอย่างอื่น ซึ่งหากนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ถือว่าดี แต่หากนำไปใช้ตอบสนองกิเลส บอกเลยว่าระยะยาวอาจจะนำไปสู่ปัญหาได้ อีกเรื่องคือ ข้อเสนอเงินกู้อเนกประสงค์เพิ่มเติม อันนี้เราสามารถรับหรือไม่รับก็ได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยบ้าน เฉลี่ย 7-10% หรือมากกว่านั้น หากไม่จำเป็นก็อย่ารับมา เพราะจะเป็นภาระและเพิ่มต้นทุนดอกเบี้ยเข้าไปอีก.เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ "รีไฟแนนซ์บ้าน" จะต้องประเมินให้รอบคอบก่อนดำเนินการ หาไม่แล้ว แทนที่จะประหยัด อาจจะแพงกว่าเดิมนะครับ ...หนึ่งเองค้าบ ^^ สนใจรีไฟแนนซ์บ้าน ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิกที่นี่

  หนึ่ง ศราพงค์


  22 ธันวาคม 2566

ปิดหนี้บัตรเครดิตด้วยการรีไฟแนนซ์บ้าน

สำหรับท่านที่มีปัญหาหนี้สิน (ในระบบ) มากมาย โดยเฉพาะบัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด และ สินเชื่อส่วนบุคคล แบบว่าต่อเดือนชำระได้แค่ขั้นต่ำ สภาพคล่องเริ่มหาย รายจ่ายจะท่วมรายได้ แต่มีสินเชื่อบ้านที่ได้เวลา “รีไฟแนนซ์” พอดี ผมมีทางออกมาแนะนำ ปัจจุบันสินเชื่อ “รีไฟแนนซ์บ้าน” ของสถาบันการเงินหลายแห่ง มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจของสายแบกหนี้ นั่นคือสามารถรวมหนี้กับสินเชื่ออื่น ๆ ได้ ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนให้สถาบันการเงินมีโครงการรวมหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่า อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ถือว่าต่ำที่สุดในบรรดาดอกเบี้ยสินเชื่ออื่น ๆ ปัจจุบันตามโปรโมชั่น 3 ปีแรกจะอยู่ที่เฉลี่ย 4-6% ต่างกับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่อยู่ระดับไม่เกิน 16% ต่อปี ส่วนสินเชื่อบัตรกดเงินสด รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลจะไม่เกิน 25% ต่อปี แล้ว “รีไฟแนนซ์บ้าน” จะรวมกับหนี้สินเชื่ออื่น ๆ อย่างไร ? หลักการคือ เมื่อเราซื้อบ้าน แล้วผ่อนชำระจนถึงระดับที่สามารถ “รีไฟแนนซ์” ได้ (3-5 ปี) ซึ่งระยะเวลาที่ผ่อนไปแล้วดังกล่าว จะไปลดเงินต้นจากตอนที่กู้มาครั้งแรก ดังนั้นเมื่อขอ “รีไฟแนนซ์” เมื่อเทียบราคาประเมินกับเงินต้นคงค้างจากสถาบันการเงินเดิม หรือ เรียกง่าย ๆ ว่าเหลือส่วนต่างนั่นแหล่ะ ยกตัวอย่างแบบตัวเลขกลม ๆ ให้เห็นภาพ เช่น กู้ซื้อบ้าน 3,000,000 บาท ผ่อนไป 3 ปีลดเงินต้นไปได้ 500,000 บาท ดังนั้นเงินต้นคงเหลือ 2,500,000 บาท แต่ราคาประเมินบ้านเราคือ 3,000,000 บาท เมื่อทำการ “รีไฟแนนซ์” ธนาคารมักจะให้วงเงินตามราคาประเมิน จากกรณีตัวอย่างข้างต้นคือ 3,000,000 บาท ซึ่งเราจะกู้แค่ 2,500,000 บาท ตามเงินต้นที่คงเหลือกับธนาคารเดิมก็ได้ ถ้าไม่ได้ต้องการใช้เงินเพิ่ม แต่หากมีหนี้สินพะรุงพะรัง ก็สามารถกู้ให้เต็มวงเงินจากราคาประเมิน เพื่อนำส่วนต่างไปปิดหนี้ บัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด หรือ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างอยู่ ซึ่งจะทำให้ประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยไปได้มหาศาลเมื่อเทียบกับการทู่ซี้จ่ายขั้นต่ำต่อไป ขอออกตัวก่อนว่านี่คือหลักการเบื้องต้นเท่านั้น โดยสถานการณ์จริงอาจจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม แล้วแต่นโยบายของแต่ละธนาคาร ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ การ “รีไฟแนนซ์บ้าน” พร้อมรวมหนี้อื่น ๆ ถือเป็นวิถีเพิ่มสภาพคล่องที่แจ๋วมาก เพราะจากเดิมจ่ายอัตราดอกเบี้ยแบบวาไรตี้ จ่ายผู้ให้บริการสินเชื่อหลายราย เสียค่าธรรมเนียมต่าง มากมายและซ้ำซ้อน แต่พอมาจ่ายแบบรวมหนี้จะเหลือเพียงก้อนเดียว อัตราดอกเบี้ยเรทเดียวแถมต่ำที่สุดในระบบอีกด้วย สำหรับท่านที่อยากรู้ว่าธนาคารไหนมีบริการ “รีไฟแนนซ์บ้าน” พร้อมรวมหนี้บ้าง Lumpsum ช่วยท่านได้ คลิกเลย ทั้งนี้เท่าที่กวาดสายตามาคร่าวเห็นมีหลายธนาคารที่ยกบริการ “รีไฟแนนซ์บ้าน” พร้อมรวมหนี้มาเป็นโปรโมชั่นเด่น อาทิ ธนาคารออมสิน, ธนาคารทหารไทยธนชาติ และ ธนาคารไทยเครดิต เป็นต้น สนใจไปติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย สุดท้าย หากดำเนินการทุกอย่างลุล่วงแล้ว ก็อย่าริไปก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็นเพิ่มนะครับ เพราะแก้อันเก่าไปสร้างอันใหม่ สุดท้ายก็จะมาลงเอยเหมือนเดิม คือ แบกหนี้จนขาดสภาพคล่อง อันนี้ไม่แนะนำ... หนึ่งเองครับ ^^

  หนึ่ง ศราพงค์


  15 ธันวาคม 2566

รวมโปรฯ รีไฟแนนซ์ ประจำเดือนธันวาคม 2566

รวมโปรโมชันและอัตราดอกเบี้ย “สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน” ธ.ค. 2566 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.29%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารเกียรตินาคิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.3% โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ค่าจดจำนอง , ค่าอากรแสตมป์ , ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ธนาคารทหารไทยธนชาติ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.55%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีประกันอัคคีภัย , ค่าจดจำนอง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.5%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.55%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บ.) ฟรีค่าประเมิน , ค่าประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงเทพ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.55% ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.62%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 200,000 บาท) ธนาคารยูโอบี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.65%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , ฟรีค่าอากรแสตมป์ , ค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.66%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าประเมิน , กู้เอนกประสงค์เพิ่มได้ ดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อปี ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.8%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ 6 เดือนแรกปลอดชำระ , ฟรีค่าจดจำนอง (สูงสุด 30,000 บาท) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.85% ธนาคารกสิกรไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.15%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ กู้เอนกประสงค์เพิ่มได้ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 6.3%ต่อปี ธนาคารไทยพาณิชย์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 5.525%โปรโมชันพิเศษ ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมขอสินเชื่อ สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับ Lumpsum สมัครครั้งเดียวยื่นได้หลายธนาคาร **ข้อมูลอัปเดทล่าสุดวันที่ 4 ธันวาคม 2566**

  ธนากร นวมรัตน์


  13 ธันวาคม 2566

ข้อดี รีไฟแนนซ์บ้าน ที่คนผ่อนบ้านได้ประโยชน์

การรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นการย้ายสินเชื่อบ้านจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิม ซึ่งจะทำให้ภาระผ่อนชำระลดลง ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน 1. ลดภาระผ่อนชำระ หรือ ผ่อนจ่ายต่อเดือนลดลง เมื่อรีไฟแนนซ์ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง ภาระผ่อนต่อเดือนก็ลดลง ทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายในส่วนอื่นมากขึ้น 2. ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น ปลดหนี้ไวขึ้น การรีไฟแนนซ์ช่วยให้ดอกเบี้ยถูกลง ทำให้เงินที่จ่ายในแต่ละเดือนถูกนำไปลดเงินต้นได้มากขึ้น ส่งผลให้สามารถปลดหนี้บ้านได้เร็วขึ้น 3. ขอวงเงินกู้เพิ่มได้ ถ้าราคาประเมินสูงกว่ายอดหนี้คงเหลือ รีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่เปิดโอกาสให้ขอวงเงินกู้เพิ่มได้ เพื่อนำเงินไปใช้ตามความจำเป็น เช่น ตกแต่งบ้าน ซ่อมแซมบ้าน หรือใช้จ่ายด้านอื่น ๆ แต่ต้องขึ้นอยู่กับราคาประเมินหลักทรัพย์และยอดหนี้คงเหลือ โดยทั่วไปธนาคารจะปล่อยกู้ไม่เกิน 80-90% ของราคาประเมิน หากราคาประเมินสูงกว่ายอดหนี้คงเหลือ ก็อาจขอสินเชื่อเพิ่มจากส่วนต่างได้ แต่ถ้าราคาประเมินต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับหนี้คงเหลือ อาจไม่สามารถขอวงเงินกู้เพิ่มได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร 4. สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้ การรีไฟแนนซ์บ้าน เราสามารถปรับเปลี่ยนผู้กู้หลัก - ผู้กู้ร่วม และ ขยายระยะเวลากู้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ดังนั้น ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน ควรวางแผนให้ดี เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขอื่นๆ ของแต่ละธนาคารอย่างรอบคอบครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่นี่

  อนุชิต ลังสุ่ย


  13 ธันวาคม 2566

Loading...

ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม