ไม่มีรายการ

ผ่อนบ้านไม่ไหว ทำไงไม่ให้โดนยึด

ผ่อนบ้านไม่ไหว ทำไงไม่ให้โดนยึด

26 มิถุนายน 2563


รู้สึกว่าช่วงนี้มีคนมาปรึกษาเรื่องหนี้สินกับผมมากเกินปกติ

คงเพราะว่าพิษของโควิด-19 ได้เบ่งบวมเต็มที่ต่อสภาพคล่องทางการเงิน

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ กำลังทยอยหมดวาระ

เช่น เงิน 5,000 บาทจากโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน"

การพักชำระหนี้สินต่าง ๆ จากสถาบันการเงิน

ซึ่งส่วนใหญ่ให้เวลาหายใจหายคอเพียง 3 เดือน

แต่โควิด-19 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายขาด

 

บางรายโชคดีหน่อยสามารถขอต่อเวลาพักชำระหนี้ได้

แต่หลายรายต้องกลับไปชำระหนี้ตามปกติ

นี่ล่ะปัญหา เพราะรายได้มันยังไม่กลับมาเหมือนปกติ

และหนี้สินก้อนใหญ่ที่สำคัญคือ "สินเชื่อบ้าน"

คือหนี้อื่น ๆ ถ้าไม่ไหวยังพอเบี้ยวได้เนอะ

แต่บ้านหากไม่จ่ายเกิน 3 เดือน

เจ้าหนี้มีสิทธิยกเลิกสัญญา และมายึดทรัพย์ได้

 

งึด ! เลยทีนี้ เพราะเป็น 1 ในปัจจัย 4

ความร้อนรนจึงประทุขึ้นในใจของลูกหนี้ทั้งหลาย

"ทำไงดี" คือวลียอดนิยม ที่ได้ยินเกือบทุกวัน

จึงอยากนำมาเล่าให้อ่านไปพร้อม ๆ กัน ว่าควร "ทำไงดี"

 

เหมือนที่เคยบอกไปทุกครั้งนะครับว่า

ปัญหาขาดกำลังชำระ "หนี้สิน"

ต้องแก้ไขด้วยการ "เจรจา"

อย่ามัวแต่โอดครวญ โทษฟ้า โทษดิน

ไม่ต้องไปโพสตัดพ้อ หรือด่าใคร ในโลกโซเชี่ยล

เพราะมันไม่ได้ช่วยให้หนี้สินหายไป หรือมีเงินใหม่เข้ามา

ทางที่ถูกคือเป็นหนี้กับใครให้ไปเจรจากับคนนั้น

แต่ที่เจอประจำคือ....

ถามเก่งแต่กับคนที่ไม่เกี่ยว พอแนะให้ไปถามเจ้าหนี้กลับใบ้แดก !

โถ โถ โถ ... อิหยังวะ

 

ผมไม่ได้ว่านะ ตอนเขียนนี่นั่งยิ้มเลยล่ะ

อย่าเอาอารมณ์ไปใส่ในตัวอักษร อิอิ

มา...จะอธิบายให้อ่านกันโดยละเอียด

เน้นที่ "สินเชื่อบ้าน" โดยเฉพาะเลย

 

เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มผ่อนบ้านไม่ไหวและไม่อยากถูกยึด

ต้องไปติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาขอผ่อนผันหรือประนอมหนี้

ซึ่ง "สินเชื่อบ้าน" มีแนวทางการเจรจามากมายเลยล่ะ

เพราะเจ้าหนี้เขาไม่อยากยึดหรอก ขั้นตอนเยอะ เสียเวลา

 

1. ขอลด

ทั้งลดดอกเบี้ย, ลดค่างวด, ลดค่าปรับ ฯลฯ

อะไรที่ขอเจ้าหนี้ลดได้ขอไปเลย

เพื่อบรรเทาภาระผ่อนจ่ายของเรา

 

2. ขอเพิ่ม

ก็คือให้ขอขยายเวลากู้เงินไปอีก

เพื่อลดเงินค่างวดให้น้อยลง

ใช่ครับ...หนี้อาจจะเพิ่ม เพราะดอกเบี้ยบ้าน

ยิ่งจ่ายนานยิ่งเยอะ แต่ขอไปก่อน เพื่อลดภาระปัจจุบัน

อีก 1-2 ปี มีรายได้เป็นปกติหรือดีกว่าปัจจุบันค่อยว่ากันใหม่

 

3. ขอพัก

ข้อนี้สำคัญ เพราะจะลดภาระได้อย่างมีนัยสำคัญ

เช่น ขอพักเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย อันนี้ลดภาระได้มากอยู่

หรือ ขอพักชำระหนี้่ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย

อันนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดหากได้รับการอนุมัติ

เพราะค่างวดจะหายไป แต่จะขอยากหน่อย

ขึ้นอยู่กับประวัติการชำระที่ผ่านมา

และมักจะได้ไม่เกิน 3-6 เดือน

แต่ก็ต้องลองขอดู....

ย้ำว่าเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ต้องครบ

หนังสือรับรองการขาดรายได้

งบการเงินล่วงหน้า

รวมถึงทำแผนการหารายได้ในอนาคตด้วย

ไม่ใช่ว่าตกงาน ก็ตกงาน แต่ไม่คิดเผื่อว่าจะทำอะไรต่อไป

แบบนั้นใครเขาจะมั่นใจว่าคุณจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้

 

4. ขอโอน

โอนในที่นี้คือโอนบ้านของเราให้เจ้าหนี้ชั่วคราว

ยังไงหว่า ? ....

ลักษณะเหมือนการขายฝากแล้วเช่าบ้านตัวเองอยู่

โดยปกติจะคิดค่าเช่าที่ประมาณ 0.4-0.6% ของหลักทรัพย์

เหมาะกับลูกหนี้ที่คาดว่าจะขาดรายได้ในระยะ 1 ปี

วิธีนี้จะช่วยให้จ่ายค่าเช่าที่ต่ำกว่าค่างวดผ่อนในระยะยาวได้

โดยทำสัญญาจะซื้อคืน หากมีศักยภาพเพียงพอเหมือนเดิม

ซึ่งเจ้าหนี้จะขายคืนให้คิดราคาจากยอดหนี้คงเหลือ

 

5. ขอให้เจ้าหนี้ใจเย็น ๆ

ข้อนี้หมายถึงหากวิธีการข้างต้นที่ว่าไม่สำเร็จเลย

แล้วไม่มีกำลังในการชำระหนี้ ต้องหยุดจ่าย

เราสามารถขอให้เจ้าหนี้ชะลอการฟ้อง ยึดทรัพย์-ขายทอดตลาดได้

คือหลังจากเราไม่จ่ายครบ 3 เดือน เราสามารถไปขอได้

แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับมาจ่ายให้ทันภายในเดือนที่ 6 นะ

หรือ...หากเรื่องไปถึงขั้นฟ้องแล้ว

สามารถไปขอยอมความกันที่ศาลได้

แต่เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล ค่าดำเนินคดี-ทนายให้ครบถ้วน

หลังจากนั้นจะสามารถขอเจรจาเพื่อกำหนดงวดเงินผ่อนชำระใหม่ได้

 

6. ขอเริ่มใหม่

ข้อนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าหนี้ละ

แต่เกี่ยวกับเราและคนรอบตัว

คือขอให้ญาติพี่น้อง, สามี-ภรรยา, เพื่อนรัก-เพื่อนแท้ ฯลฯ

ที่ยังมีสถานภาพทางการเงินปกติ ให้มาช่วยซื้อบ้านต่อเราหน่อย

แล้วเราเป็นคนเริ่มผ่อนจ่ายใหม่

ข้อนี้หากทำสำเร็จอาจจะได้เงินก้อนใหม่มาเติมสภาพคล่องด้วย

เหมือนกับการรีไฟแนนซ์ แต่ตัวเราเองขาดรายได้ การทำรีไฟแนนซ์จะลำบาก

ดังนั้นต้องไหว้วานคนที่มีศักยภาพเพียงพอ มาจัดการตรงนี้ให้

แต่...................

ข้อเสียคือ ใครจะยอมช่วยง่าย ๆ

เขาจะไว้ใจเราไหม หรือเราจะไว้ใจเขาได้ไหม

เพราะกรรมสิทธิ์บ้านหลังนี้จะเป็นของผู้อื่นทันทีทางกฎหมาย (เพราะไม่ใช่ชื่อเราแล้ว)

ซึ่งต้องคิดดี ๆ คิดมาก ๆ คิดหนัก ๆ เลย

 

เอาจริงนะ หากไม่ไหว ขายไปก่อนเถอะ

อาจจะยังมีกำรี้กำไรเข้ามาเติมสภาพคล่องได้บ้าง

ไม่ต้องเสียเครดิตด้วย...

"มีบ้าน" กับ "มีหนี้บ้าน" มันต่างกันนะ

หาก "บ้าน" หมายถึงที่อยู่อาศัย

เช่าอยู่ก็ "บ้าน" เหมือนกันแหล่ะ

 

#Saveบ้าน

#เรื่องหนี้คุยกับเจ้าหนี้

#ไม่ไหวก็ขายไปก่อนเถอะ

//////////////

ค้นหาโปรโมชั่น "รีไฟแนนซ์บ้าน"

บทความแนะนำล่าสุด


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ